ข้อมูลคนไทยที่ถูกขโมย..และสิ่งที่รัฐบาลลุงตู่ละเลย
ความมั่นคงที่สั่นคลอน...ข้อมูลคนไทยที่ถูกขโมย...และสิ่งที่รัฐบาลลุงตู่ละเลย
สมัยก่อนเวลาพูดถึง “สายลับต่างชาติ”... เช่น “CIA” (Central Intelligence Agencies) หรือ “หน่วยสืบราชการลับ” ของประเทศต่างๆ เราคงนึกถึงชาวต่างชาติที่เข้าแทรกซึมในประเทศไทย... เพื่อวัตถุประสงค์ในการคัดกรองข้อมูลลับของประเทศเรา ซึ่งมีผลต่อการทหารและความมั่นคงของประเทศเขา...
เรื่องแบบนี้ มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี... ตั้งแต่การติดต่อยังใช้ “ระบบนกพิราบสื่อสาร” หรือ “ม้าเร็ว” ในการส่งข้อมูล...
หากแต่ ปัจจุบันบนโลกยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีสามารถอำนวยความสะดวกให้มนุษย์ได้ทุกสิ่งอย่าง... บนโลกที่มนุษย์กว่า 56% ของประชากรใช้อินเทอร์เน็ต และกว่า 46% หรือ 3.5 พันล้านคนเล่น Social Media อย่างสม่ำเสมอผ่านโทรศัพท์ Smart Phone เป็นส่วนใหญ่...
“การสอดแนม” และ “การขโมยข้อมูล”... จะเป็น “เชิงความมั่นคง” หรือ “เชิงพาณิชย์” จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้วิธีการเดิมๆ อีกต่อไป... เมื่อ "Artificial Intelligence" (AI) หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” สามารถเนรมิตได้เกือบทุกสิ่งอย่าง...
สายลับสมัยใหม่จึงเพียงแค่นั่งหน้าจอและอ่านการประมวลผลข้อมูลออนไลน์
ความกังวลเรื่องการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ถือเป็นประเด็นสำคัญในทวีปยุโรปและหลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและจับจ้องอย่างใกล้ชิด...
ยิ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐ (Federal Trade Commission) มีคำสั่งเป็นทางการให้เฟซบุ๊คชำระค่าปรับเป็นจำนวนเงินสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 155,000 ล้านบาท ฐานบกพร่องการป้องกันข้อมูลความเป็นส่วนตัวผู้ใช้...
ข้อกล่าวหาด้านความบกพร่องในการป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานที่ทางคณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ ดำเนินการสอบสวน มีตั้งแต่ปมที่ทำให้ข้อมูลผู้ใช้งานมากกว่า 87 ล้านราย รั่วไหลไปยัง “Cambridge Analytica”...
และการให้ข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านรายในทางที่ผิดว่า ฟีเจอร์ระบบจดจำใบหน้าไม่ได้ถูกตั้งค่าใช้งานตั้งแต่เข้าเฟซบุ๊ค (ทั้งๆ ที่จริงๆ ถูกตั้งค่าให้เป็น default อยู่แล้ว)...
รวมถึงการนำเบอร์โทรศัพท์ของผู้ใช้งานที่อ้างว่าจัดเก็บเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ด้านโฆษณา...
มากไปกว่านั้น... เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา... อย่างที่หลายคนสงสัย...“FACEBOOK” ยอมรับ แอบฟังผู้ใช้งานคุยกัน หลังจากถูกตรวจสอบอย่างหนักจากหลายประเทศในยุโรป...โดยเสียงนี้จะถูกนำไปให้บริษัทอื่นแปลเป็นข้อความตัวอักษรและเก็บไว้ใช้ประโยชน์เพื่อการใดการหนึ่งต่อไป...
และนอกจาก Facebook แล้ว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Apple ก็กำลังถูกตรวจสอบเรื่องการบันทึกข้อความเสียงของผู้ใช้งานไปใช้ด้วยเช่นกัน!!
หันกลับมามองดูประเทศไทย... ประเทศด้ามขวานที่มีประชากร 69.24 ล้านคน
-มีเบอร์โทรศัพท์มือถือ 92.33 ล้านเลขหมาย
- มีประชากร 57 ล้านคนเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต โดย 55 ล้านคน เป็นกลุ่มใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นประจำ
- มี 51 ล้านคนเล่น Social Media เป็นประจำ โดยแต่ละคนมี Social Media Account เฉลี่ยคนละ 10.5 บัญชีต่อคน ... ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก !!! (อย่าเพิ่งตกใจนะครับ)
-มีการใช้อินเทอร์เน็ต 9 ชั่วโมงโดยเฉลี่ยต่อคนต่อวัน แบ่งเป็นเล่น Social Media 3 ชั่วโมง 11 นาที ต่อคนต่อวัน
- “Facebook”... “Youtube”... และ “Line” คือ Top 3 สื่อสังคมออนไลน์ของประเทศ
จากข้อมูลข้างต้น... เป็นที่แน่ชัดว่าประชากรของประเทศเรา มีพฤติกรรมเสพติดการใช้ชีวิตบนโลกสังคมออนไลน์... และวันนี้ประชาชนคนไทยและประเทศของเรามีความเสี่ยงสูงมากในด้านความมั่นคง... หากยังไม่มีมาตรการหรือนโยบายที่ชัดเจนจากภาครัฐ ว่าด้วยเรื่องการปกป้องการรั่วไหลของข้อมูลประชากร...
ข้อมูลส่วนบุคคล ที่พูดถึง... ไม่ใช่เพียง ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน หรือ เบอร์โทรศัพท์ เท่านั้น แต่รวมไปถึงข้อมูลทุกชนิดที่สามารถระบุถึงตัวบุคคลนั้นๆ ได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ข้อมูลลับของบริษัท... พฤติกรรมความชอบส่วนบุคคล... พฤติกรรมการบริโภคสินค้าและบริการ... เป็นต้น
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งไม่เพียงแต่ความเสี่ยงที่อาจถูกฉ้อโกงทางธุรกรรมจากผู้ไม่หวังดีเท่านั้น แต่ข้อมูลทั้งหมดสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อผลประโยชน์การโฆษณา การเมือง ความมั่นคงและการค้าระหว่างประเทศ ได้อย่างที่เราไม่คาดคิด...
รัฐบาลภายใต้การนำของ “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ควรระลึกไว้เสมอว่า Social Media เหล่านี้ คือพวก Platform ข้ามชาติ... คุณรู้ได้อย่างไรว่า “LINE” ไม่บันทึกและใช้ประโยชน์ข้อมูลสนทนาของคุณ?!?... “LINE” ก็คือบริษัทของคนเกาหลีที่ตั้งบริษัทลูกในไทย... “FACEBOOK” บริษัทยักษ์ใหญ่ยังทำเลยไม่ใช่หรือ?
หาก Platform ข้ามชาติพวกนี้ปลอดภัย... ทำไมจีนหรือรัสเซียจึงบังคับประชาชนให้ใช้ Platform ในประเทศตนเอง??
ยุทธศาสตร์ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลประชากรที่อยู่กับบริษัทข้ามชาติ มันสำคัญกว่าเรื่อง Fake News นะ... จะบอกให้!!!