Magazine อยู่รอดอย่างไร ในยุค Digital Disruption
Kazz Magazine เป็นนิตยสารรายเดือนก่อตั้งโดย ดร.ธนพร ฟักเขียว เริ่มจากปี 2540 ดร.ธนพร เห็นกระแสนิยมของกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจเรื่องนักร้อง ศิลปิน
แม้จะมีคู่แข่งเยอะ แต่ ดร.ธนพร สร้าง Kazz Magazine ให้มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนนิตยสารเล่มอื่นคือ ความเป็นโฟโต้บุ๊ค การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมที่เราเห็นจากข่าวว่า ธุรกิจสิ่งพิมพ์เริ่มทยอยปิดตัวลงไปเรื่อยๆ แต่ Kazz Magazine ก็ยังคงดำเนินกิจการอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน นั่นเป็นเพราะ
หนึ่ง เมื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน Platform ใหม่ๆคือโอกาส ตั้งแต่แรก Kazz Magazine วางแผนว่า เนื้อหาจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 18-28 ปี เมื่อมี Platform อื่นๆเข้ามานั้นเป็นโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นโดยนำเสนอ content ผ่านในหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น หนังสือ E-Magazine เว็บไซต์ ตลอดจนเพจใน Facebook Instagram และ Twitter ให้ตอบรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้าในกลุ่มนี้
สอง การทำความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าจาก Platform ที่หลากหลาย โดยคุณพงศภัค ฟักเขียว ลูกชายของ ดร.ธนพร มองว่า สื่อออนไลน์นั้นเป็นการกระตุ้นให้เข้าถึงผู้อ่านมากยิ่งขึ้นและทำให้ Kazz Magazine ได้เรียนรู้พฤติกรรมของผู้อ่านจากการเข้าชม Platform ต่างๆ ดังนั้นจึงนำเสนอ Content ในรูปแบบที่ต่างกันออกไปในแต่ละ Platform ตัวอย่างเช่น ทาง Facebook จะเน้นการแชร์และทำกิจกรรมต่างๆกับทางนิตยสาร ซึ่งก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้คนรู้จัก Kazz มากขึ้น ส่วนทาง Instagram ก็จะเน้นการโปรโมทรูปภาพศิลปิน นักแสดง โดยรูปภาพนั้นมีการใช้เทคนิคการถ่ายภาพที่คมชัดสวยงาม ทำให้เป็นการดึงดูดผู้อ่านให้ติดตามมากยิ่งขึ้นและเมื่อผู้อ่านสนใจศิลปินท่านนั้นก็จะเป็นแรงจูงใจให้ผู้อ่านอยากที่จะซื้อหนังสือนิตยสารมากขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อยอดขาย
นอกจากนั้น Social Media ยังช่วยทำให้ Kazz Magazine ได้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้อ่านที่แม่นยำมากขึ้นรวมไปถึงเทรน์ที่กลุ่มเป้าหมายมีความชื่นชอบหรือสนใจในขณะนั้นว่าแบบไหน ทำให้ Kazz สามารถเลือกนำศิลปินมาขึ้นปกได้ตรงใจผู้อ่านมากยิ่งขึ้น
สาม การสร้าง Customer Engagement กับกลุ่มเป้าหมาย โดย Kazz Magazine ทำการสำรวจผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียทุกแฟลตฟอร์มพบว่าผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเพศหญิงประมาณ 60% รองลงมาเป็นกลุ่มเพศชายและเพศที่ 3 ในสัดส่วนพอๆกัน โดยกลุ่มเป้าหมายนั้นพำนักอยู่ทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ดังนั้น Kazz Magazine เน้นการเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านมากยิ่งขึ้นโดยมีการจัดจิตอาสาระหว่างแฟนคลับและศิลปินเพื่อเป็นการให้ผู้อ่านที่ติดตามนิตยสารได้มาเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมนี้นอกจากจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ากลุ่มเดิมแล้ว ยังทำให้เกิดการสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
สี่ สร้าง Brand Position ว่า Kazz Magazine ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ นิตยสารที่มีรูปสวย แต่เป็นของสะสม เริ่มจากการที่ ดร.ธนพร สังเกตว่า ในยุคแรกของการก่อตั้ง วัยรุ่นในสมัยนั้นนิยม ซื้อโปสเตอร์ของ ศิลปินและนักร้องที่ตนชื่นชอบมาเก็บไว้ ดังนั้น Kazz Magazine ต้องการเป็นให้ได้มากกว่าโปสเตอร์ จึงมีการนำเสนอ content ที่ให้มุมมองแง่คิดที่เป็นประโยชน์กับเยาวชน ส่วนในปัจจุบัน ภาพของศิลปินและนักร้องที่ผู้อ่านชื่นชอบสามารถหาได้ไม่ยากบนโลกออนไลน์ ดังนั้น Kazz Magazine เน้นรูปภาพแบบโฟโตบุ๊คที่ไม่สามารถหาได้ในอินเทอร์เน็ต ทำให้เป็นจุดเด่นของนิตยสาร อีกทั้งเน้นสกู๊ปข้อมูลข่าวต่างๆ ทำให้กลุ่มผู้อ่านที่สนใจในตัวศิลปิน นักแสดงคนนั้นๆ อยากเก็บหนังสือไว้เป็นของสะสม นอกจากนั้น Kazz Magazine ได้มีการจัดงานประกาศรางวัลให้กับเหล่าศิลปิน นักแสดง ที่มีผลงานโดดเด่นในปีนั้นๆ ซึ่งทำให้ผู้อ่านที่มีพฤติกรรมการติดตามผลงานศิลปิน นักแสดงที่ตนชื่นชอบ ยิ่งติดตามสะสม Kazz Magazine มากยิ่งขึ้น
จากการกำหนด Brand position ให้เป็นของสะสม ทำให้ Kazz Magazine ยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามา เพราะ ความเป็น Globalization ทำให้ ผลงานของศิลปิน นักแสดงไทย ก็ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติเช่นกัน จากการที่ นักแสดงไทยไปโด่งดังมีผลงานเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ ทำให้เกิดกลุ่มแฟนคลับ ซึ่งเมื่อกลุ่มแฟนคลับได้เห็นว่า Kazz Magazine เป็นหนังสือที่สามารถเก็บสะสมได้ จึงทำให้เกิดลูกค้าของ Kazz Magazine ในต่างประเทศ เช่น จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย เพิ่มเติมมาอีกด้วย
กรณีศึกษาของ Kazz Magazine สะท้อนให้เห็นถึงว่า การมองมุมบวกกับการเปลี่ยนแปลง และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเรื่องสำคัญ โดยหากเรามองถึงความหมายง่ายๆของการเปลี่ยนแปลงแบบ Disruptive นั่นคือ การที่เปลี่ยนแปลงแบบฉับพลับด้วยดิจิทัลซึ่งก่อให้เกิด Platform โมเดลธุรกิจ ตลอดจนผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ๆ ที่กระทบต่อมูลค่าของสินค้า/บริการที่มีแบบเดิมๆในตลาด รวมไปถึงกระทบต่อความต้องการของลูกค้าและรูปแบบการสื่อสารกับลูกค้า Kazz Magazine เลือกที่จะใช้ประโยชน์จาก ดิจิทัลในการนำมาซึ่งข้อมูลที่แม่นยำในการทำความเข้าใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมหรือความชอบ เพื่อที่จะนำเสนอคุณค่าให้มากกว่า มูลค่า ของสินค้า อีกทั้งดิจิทัล ยังนำไปสู่การสร้างประสบการณ์ที่มีการผสมผสานกันระหว่าง Online และ BTL ได้อย่างลงตัว
ดังนั้นอย่ากลัวการเปลี่ยนเลยค่ะ เพราะยังไงๆ อะไรๆก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป ความสำเร็จอย่างยั่งยืนมาจากการที่ธุรกิจยังคงสามารถตอบโจทย์และสร้างคุณค่าให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ เป้าหมายยังเหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมคือเปลี่ยนวิธีมองและวิธีทำค่ะ
-----------------------------
เครดิต สัมภาษณ์คุณ พงศภัค ฟักเขียว ผู้จัดการฝ่ายบริหารงานทั่วไป Kazz Magazine โดยคุณกันยภัทร แก้วกล้า นักศึกษาปริญญาโทสาขาการจัดการธุรกิจ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU)