เอไอและบิ๊กดาต้าเป็นเครื่องมือปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่ระบบอัตโนมัติ
โลกยุคใหม่ที่เราใช้ชีวิตอยู่ในขณะนี้ คือโลกของการนำเทคโนโลยีมาช่วยคิด วิเคราะห์แก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ ขณะเดียวกันไม่อาจปฏิเสธการทำงานของเอไอได้อีกต่อไป
เพราะนอกจากเอไอจะเข้ามามีบทบาทส่งเสริมภาคธุรกิจต่างๆ แล้ว ยังมีส่วนสำคัญในโครงการระดับประเทศ อย่างโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี แผนยุทธศาสตร์โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ในบทความนี้ผมขอพูดถึงความสามารถของเอไอ ต่อ อีอีซี เพื่อผลักดันโครงการด้วยเทคโนโลยีให้มีศักยภาพในระดับสากล
เอไอ และการจัดการข้อมูลบิ๊กดาต้า ถือเป็นเครื่องมือหลักที่จะเข้ามาปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมสู่ระบบอัตโนมัติ และช่วยผลักดันการเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart city) ที่มีการพัฒนาเรื่องระบบพลังงานอัจฉริยะหรือสมาร์ทกริด การขนส่ง การคมนาคม ชุมชน เศรษฐกิจ การเกษตร สิ่งแวดล้อมและอื่นๆ
โดยมีการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนด้านอุตสาหกรรม มุ่งเน้นการสร้างอุตสาหกรรมดิจิทัลใหม่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีการเน้นในเรื่องเทคโนโลยีในหลากหลายด้าน
โดยปัจจุบันมีการผลิตหุ่นยนต์และสร้างระบบอัตโนมัติเพื่อใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและบริการต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น อาคารผู้โดยสารของสนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง ในเขตอีอีซี ได้มีการใช้หุ่นยนต์ต้อนรับ เพื่อให้ข้อมูลกับผู้โดยสาร รวมทั้งช่วยนำลูกค้าไปยังจุดให้บริการต่างๆ ในรูปแบบ Guide & Go เพื่อโต้ตอบ รวมถึงระบบวิเคราะห์และประมวลผลภาพวีดิโออัจฉริยะ ใช้ตรวจจับและรับรู้ใบหน้าบุคคลและสิ่งของในพื้นที่อาคารสนามบิน เพื่อตรวจจับวัตถุต้องสงสัย เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านระบบรักษาความปลอดภัย
ขณะที่ท่าเรือของอีอีซีที่เป็นศูนย์กระจายสินค้าออกสู่ต่างประเทศในภูมิภาค ก็มีการติดตั้งและใช้งานรีโมตในการควบคุมเครนลำเลียงสินค้าในการบริการท่าเรือผ่านระบบ 5จี มีรถขนส่งสินค้าแบบไร้ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการทำงาน ในช่วงเวลาที่แรงงานคนต้องหยุดพัก พร้อมทั้งมีการติดตั้งอุปกรณ์อ่านเลขตู้คอนเทนเนอร์เก็บสินค้าและทะเบียนรถที่ผ่านเข้า-ออกประตูด้วยกล้องซีซีทีวีรวมทั้งข้อมูลอื่นๆ เช่น น้ำหนักรถบริเวณท่าเรือ เพื่อการจับคู่รถเที่ยวเปล่า การจัดคิว การประมาณเวลาขน-ส่งสินค้า และการคาดการณ์เพื่อซ่อมบำรุงถนน โดยการสร้างแพลตฟอร์มให้เกิดการเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลดาต้าอนาไลติกส์ผ่านไอโอที
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบไฟฟ้าที่เรียกว่าสมาร์ทกริด (Smart grid) เป็นการเปลี่ยนผ่านพลังงานหมุนเวียน ผ่านเทคโนโลยีที่สามารถตรวจวัด รับ-ส่งสัญญาณข้อมูล โดยการทำงานร่วมกับอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าอื่นๆ อย่างชาญฉลาด ผ่านเทคโนโลยีเอไอและบล็อกเชน ในการติดตั้ง ดูแล และบำรุงรักษาระบบมิเตอร์อัจฉริยะที่เมืองพัทยา เป็นการช่วยลดค่าไฟฟ้าและเป็นการยกระดับประสิทธิภาพในการจัดการด้านพลังงานที่มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยในอนาคตอาจมีการผลิตไฟฟ้าและซื้อ-ขายพลังงานได้อีกด้วย
ด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาโลกร้อนและภัยแล้งถือเป็นสองปัญหาหลักที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ จึงมีการนำเทคโนโลยีอย่างระบบเซ็นเซอร์ ระบบฐานข้อมูล และ Digital Twin (การสร้างแบบจำลองวัตถุขึ้นในโลกดิจิทัลทั้งในรูปแบบของภาพและข้อมูล) เพื่อใช้ในการตรวจตรา และคาดการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เหล่านี้ล้วนเป็นแนวทางปฏิบัติในการนำเทคโลโนยีเข้ามาใช้งานเพื่อช่วยยกระดับการเป็นสมาร์ทซิตี้อย่างสมบูรณ์แบบ
การแพทย์ ก็มีการใช้เทคโนโลยีแมชีนเลิร์นนิงและดีฟเลิร์นิงมาใช้ประโยชน์ในหลากหลายงาน ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลและวินิจฉัยโรคเบื้องต้นเพื่อการรักษาโรคของผู้ป่วย การใช้หุ่นยนต์ในการช่วยลดงานประจำ และการสัมผัสของบุคคลากร อย่างการนำส่งยา อาหาร และเอกสารภายในสถานพยาบาล
มีหลายบทบาทที่เทคโนโลยีเข้าไปมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการอีอีซี ซึ่งอย่าลืมว่าเราควรมีการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งปลูกฝังให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้พัฒนาความสามารถในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างราบรื่น
เพราะเทคโนโลยีเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะในโครงการอีอีซีนี้ ให้ตอบโจทย์การเป็นไทยแลนด์ 4.0 อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด