อย่าให้คุกมีไว้ขังหมา และคนจน!
“คดีบอส” หรือ “วรยุทธ อยู่วิทยา” หลานชายตระกูลอยู่วิทยา เจ้าพ่อ “กระทิงแดง” ที่ทั้งอัยการไม่สั่งฟ้อง และตำรวจไม่โต้แย้งความเห็นอัยการ
รวมทั้งเร่งรัดถอนหมายจับทั้งในและระหว่างประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อถือและศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นในวงกว้าง และยังหาจุดจบในเรื่องนี้ไม่ได้
ประเด็นการเปลี่ยนคำให้การ และสำนวนการสอบสวน เรื่องใหญ่ คือ ประเด็นความเร็ว ซึ่ง ณ วันเกิดเหตุ ผู้เชี่ยวชาญทั้งตำรวจ-นักวิชาการ ลงความเห็นจากหลักฐานแวดล้อม-กล้องวงจรปิด แรงปะทะในการชน ว่าความเร็วรถเฟอร์รารีที่ บอส อยู่วิทยา ขับอยู่ที่ 177 กม./ชม.
แต่ 7 ปีผ่านไป ก่อนอัยการสั่งไม่ฟ้อง ตำรวจไม่คัดค้านความเห็นอัยการ ในสำนวนที่ส่งอัยการ ตำรวจระบุความเร็วได้ อยู่ที่ 79 กม./ชม. หายไปร่วม 98 กม./ชม ซึ่งไม่สัมพันธ์กันโดยสิ้นเชิงกับภาพในกล้องวงจรปิด และหลักฐานแวดล้อม
ประเด็นต่อมา เรื่องเมาแล้วขับ ที่ตั้งต้นมาแต่เดิมในวันเกิดเหตุ ว่าบอส อยู่วิทยา ดื่มมาก่อนขับ ถูกเปลี่ยนเป็น “ขับแล้วเมา” เสียใจที่ขับรถชนคนตาย แล้วไปดื่มจนเมา ตรวจร่างกายหลังเหตุการณ์ชน จึงพบปริมาณ แอลกอฮอล์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ประเด็นที่หายไปคือ การชนแล้วลากศพคนเสียชีวิตไปถึง 163 เมตร และหลบหนีเข้าบ้าน โดยไม่ให้ความช่วยเหลือ และนำคนที่ถูกรถชนส่งโรงพยาบาล รวมทั้งการหลบหนีไม่พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปใช้ชีวิต สุขสบายในต่างประเทศ
ประเด็นเหล่านี้ เป็นข้อกังขาของสังคมยิ่ง ว่าที่สุด คนรวยก่อคดีแล้วไม่ต้องรับผิด หรือมันเป็นข้อเท็จจริงในเหตุการณ์จริงกันแน่
แต่ขณะนี้ สังคมเกิดความสั่นคลอนและ ”ไม่ศรัทธา”ต่อกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ทั้งตำรวจ-อัยการ ที่จำเป็นต้องปฏิรูปองค์กรทั้งสองอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นจะลามไปถึงการ “ล้มละลายทางศรัทธาต่อรัฐบาลลุงตู่” ในที่สุด
อย่าปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป - อย่าปล่อยให้คนทั้งแผ่นดิน คิดว่า ”คุกมีไว้ขังหมาและคนจน เท่านั้น”!
บอส วรยุทธ อยู่วิทยา อาจจะรอดคุก เพราะกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นอาจมีข้อบกพร่อง จนกระแสสังคมไม่ยอมรับ แต่คุกทางสังคม ที่ตื่นตัวมากมายขนาดนี้ กำลัง “ขัง”บอส อยู่วิทยา ไม่ให้เข้าร่วมในสังคม และลามถึงผลิตภัณฑ์ ของ “กลุ่มกระทิงแดง”ทั้งเครือ ที่มากกว่าสิ่งที่ครอบครัว “อยู่วิทยา คิดเพียงเพื่อช่วยลูกหลานให้พ้นผิด