Upskill & Reskill: สร้างทักษะสร้างอาชีพให้ 'แรงงานเข้มแข็ง'
แรงงานทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก ทำให้ในอนาคตหลายคนต้องทำงานในอาชีพที่ไม่เคยมีมาก่อน หลายคนต้องเปลี่ยนงานหลายครั้งในตลอดช่วงชีวิตงาน
การสร้างโอกาสเข้าถึงการยกระดับและการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ แก่แรงงานทุกกลุ่มทุกช่วงวัยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้จึงมีความสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน บทความฉบับนี้ จะนำเสนอถึงแพลตฟอร์มพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ของทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อแรงงานและสาธารณชนทั่วไป
ดิจิทัลแพลตฟอร์มภาครัฐเป็นตาข่ายความปลอดภัยทางสังคมให้แรงงานได้ไปต่อ
จากรายงานภาวะการทำงานล่าสุด เดือน ธ.ค. 2563 ระบุว่า มีผู้ว่างงานอยู่ที่ 5.9 แสนคน หรืออัตราการว่างงาน 1.5% และมีผู้เสมือนว่างงาน (ทำงานน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน) สูงถึง 2.47 ล้านคน ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้แม้ไม่ตกงานแต่มีรายได้น้อยลงมาก ย่อมไม่เพียงพอต่อการยังชีพส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของครัวเรือน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคการบริการสาขาโรงแรมและภัตตาคารและการค้า และพบว่า เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าจากโควิด 19 ยังได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มแรงงานตอนต้น (อายุ 15-29 ปี) ที่เพิ่งจบการศึกษาที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานซึ่งมีมากถึงกว่า 3 ล้านคนนี้ โดยจะทำให้หางานทำได้ยากขึ้นด้วย
สำหรับนโยบายภาครัฐที่จะช่วยแก้ปัญหาด้านแรงงานสู้ภัยโควิด 19 ได้มีอย่างต่อเนื่องทั้งมาตรการรักษาการจ้างงาน อาทิ ช่วยสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ และการจ้างงานผ่านระบบออนไลน์ เช่น ผ่าน Smart Job Center ของกระทรวงแรงงาน และ M-Powered Thailand ซึ่งเป็นพอร์ทัลที่เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท ไมโครซอฟท์ จำกัด กับหน่วยงานภาครัฐ และมาตรการ Upskill Reskill และ New Skill ให้กับแรงงาน ให้มีทักษะตรงตามความต้องการของนายจ้างและส่งเสริมการเรียนรู้ทางออนไลน์บนแพลตฟอร์มของภาครัฐ เช่น “ไทยมีงานทำ” และ Futureskill-newcareer.in.th ของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น
แพลตฟอร์มพัฒนาทักษะ: สร้างโอกาสและอาชีพอย่างเสมอภาค
คณะผู้เขียนได้รวบรวมกลไกสถาบันและหลักสูตรการพัฒนาทักษะแรงงานของไทยในปัจจุบัน (รูป 1) ทั้งของภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาที่ให้บริการวิชาการแก่สังคม เพื่อเป็นประโยชน์แก่แรงงานและประชาชนทั่วไปที่สนใจยกระดับหรือสร้างทักษะใหม่ จากบทความฉบับที่แล้วชี้ว่า แรงงานไทยทั้งหมดต้อง Reskill โดย 50% ต้องพัฒนาทักษะอย่างน้อย 3 เดือน และอีก 50% ต้องพัฒนาทักษะนาน 3 เดือนขึ้นไป นั่นหมายถึง ด้าน Demand side จะมีความต้องการพัฒนาทักษะมากขึ้น คือให้แก่คนทำงานถึง 38.7 ล้านคน โดยกลุ่มแรงงานทักษะสูงไม่น่าเป็นกังวล ส่วนสองกลุ่มตรงกลาง คือ แรงงานฝีมือและไม่ใช้ทักษะทำซ้ำ และกลุ่มแรงงานฝีมือและใช้ทักษะทำซ้ำ มีโอกาสสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องหุ่นยนต์อัตโนมัติ
ส่วนด้าน Supply side คาดว่าการพัฒนาทักษะของแรงงานในระบบทั้งที่จัดโดยภาคเอกชน (In-house training) หรือจัดโดยศูนย์ฝึกอบรมของภาครัฐน่าจะเพียงพอในระดับหนึ่ง โดยมีสถาบันแกนหลักของรัฐ คือ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โรงเรียน
ฝึกอาชีพ 10 แห่งสังกัดกรุงเทพมหานคร หน่วยงานฝึกอาชีพสังกัดกระทรวงมหาดไทย การศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทำ สังกัด กศน.กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันยานยนต์ และสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น
ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้มุ่งสู่โลกออนไลน์
วิกฤติโควิด 19 ช่วยให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และการเรียนรู้แบบ e-Learning และดิจิทัลแพลตฟอร์มพัฒนาทักษะแรงงานมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยดิจิทัลแพลตฟอร์มในประเทศ อาทิ Skilllane, Skooldio, CMU MOOC และ สถาบันพัฒนาบุคลากรดิจิทัล (DISDA) (ซึ่งตั้งใหม่เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้แก่แรงงานผ่าน DSA app ของกระทรวงแรงงาน) ส่วนดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ได้รับความนิยมสูง อาทิ Skillshare, Coursera, Udemy, และ LinkedinLearning (รูป 2)
ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุลกรรมการผู้จัดการ “Skooldio” กล่าวว่าธุรกิจ Skooldio คือ “การเอาคนสร้างเทคโนโลยี และการเอาเทคโนโลยีสร้างคน” รวมทั้งได้ทำ In-house Workshop ให้บริษัทขนาดใหญ่ด้วย โควิด 19 ส่งผลให้คอร์สสอนออนไลน์เติบโตมาก และคาดว่าจะยังเติบโตต่อไปแม้ว่าจะคลายล็อกดาวน์แล้ว เป้าหมายสูงสุดของ Skooldio คือ ส่งเสริมให้ Life-Long Learning เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้คน
มีเนื้อหาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ ทำให้คนทำงานได้เก่งขึ้น และต้องมีแพลตฟอร์มที่ดี ง่าย และสะดวก
เฉลิมพงษ์ บุญรอด กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ระบุว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงานปรับตัวสู้ภัยโควิด 19 โดยเปิดหลักสูตรพัฒนาอาชีพแบบออนไลน์ผ่าน DSD mLearning กว่า 30 หลักสูตร ให้แก่ประชาชนทั่วไป ทั้งเพื่อ Upskill และ Reskill โดยสามารถวัดผลได้และมีวุฒิบัตรรับรอง หากมาอบรมภาคปฏิบัติเพิ่ม ณ ศูนย์อบรม ส่วนการเรียนผ่านช่อง Youtube จะไม่สามารถวัดและประเมินผลได้
หลักสูตรที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ เทคนิคการสร้างร้านค้าและขายสินค้าออนไลน์ รองลงมาคือ การใช้ Microsoft Excel Advance และภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และยังจัดฝึกอบรมให้แก่สถานประกอบการที่หยุดชั่วคราวช่วงโควิด เช่น ธุรกิจสปาและธุรกิจโรงแรม นอกจากนี้ ยังเร่งพัฒนาการฝึกอบรมผ่านออนไลน์โดยร่วมมือกับบริษัทหัวเหว่ยในการนำสัญญาณ 5G เข้ามาใช้ในการฝึกอบรม รวมถึงร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะทางเข้ามาเป็นภาคีเครือข่ายจัดฝึกอบรมมากขึ้น
ในระยะข้างหน้า เรายังมีความท้าทายในการพัฒนา/ ปรับทักษะอาชีพใหม่ๆ ให้แก่พี่น้องแรงงานนอกระบบที่มีอยู่ถึง 20 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานรับจ้างทั่วไปและกลุ่มเกษตรกร ซึ่งต้องการช่วยเหลือจากภาครัฐในการพัฒนาทักษะฝีมือเฉพาะสาขาอาชีพ รวมถึงด้านเทคโนโลยี พัฒนาอาชีพเสริม และการรวมกลุ่มอาชีพตลอดจนนำแพลตฟอร์มการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่มีอยู่มารวบรวมอยู่บนแพลตฟอร์มหลักคล้ายกับของ skillsfuture ของสิงคโปร์ หรือ skills-and-training ของออสเตรเลีย เพื่อสะดวกต่อการค้นหาของแรงงาน และด้านการวางนโยบายในอนาคต และที่สำคัญคือ แรงงานเองก็จะต้องมีทักษะสำคัญของศตวรรษที่ 21 คือ การเรียนรู้ทักษะใหม่ (the skill of learning new skills) ด้วยเช่นกัน.
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
*บทความโดย ดร. เสาวณี จันทะพงษ์์ ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท.
นางสาวชนาภา ตันติปุระ เศรษฐศาสตร์ LSE, U.K.
นางสาวธันว์ธิดา วงศ์ประสงค์ และนายอนันต์ วิชิตานันท์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา