ผู้นำกับความยั่งยืน

ผู้นำกับความยั่งยืน

ความยั่งยืน ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง การอยู่ได้ยาวนานแต่เพียงอย่างเดียว  แต่หมายรวมถึงความสามารถขององค์กร ที่อยู่ร่วมกับชุมชนได้ยาวนาน(ยั่งยืน)

           องค์กรในวันนี้  จึงมุ่งแต่จะเอา “กำไรเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปไม่ได้  แต่ต้องประกอบกิจการหรือทำมาค้าขายด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

ผู้นำในวันนี้จึงต้องมีจิตสำนึกของ การพัฒนาที่ยั่งยืน(Sustainable Development : SD)  โดยต้องผนวกเอาแนวความคิดและวิธีปฏิบัติของ การพัฒนาที่ยั่งยืนเข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการและการประกอบกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมด้วย  ซึ่งปัจจุบันนานาประเทศได้ขยายผลไปถึงแนวความคิดในเรื่องของ เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน(Sustainable Development Goals : SDG) ของ องค์การสหประชาชาติ ด้วยแล้ว

ความหมายทางวิชาการที่ผู้คนนิยมอ้างอิงและยึดถือ ก็คือ  การพัฒนาที่ยั่งยืน คือ การพัฒนาที่สนองตอบต่อความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน  โดยไม่ทำให้คนรุ่นต่อไปในอนาคตต้องประนีประนอมยอมลดทอนความสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของตนเอง  The Brundtland Commission (ค.. 1987)

นักวิชาการหลายท่านได้อธิบายถึงคำนี้อย่าง่ายๆ ว่า “คนรุ่นปัจจุบันต้องไม่เบียดบังเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้เพื่อประโยชน์ต่างๆ จนคนรุ่นลูกรุ่นหลานไม่มีใช้ (ไม่พอใช้) หรือ ทิ้งมรดกด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรมให้ลูกหลานรับต่อไป(หากเป็นเช่นที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ ก็จะเป็น การพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน)

แนวความคิดนี้ได้ผลักดันให้เกิดกฏระเบียบมากมาย  และผลักดันให้ธุรกิจอุตสาหกรรมในปัจจุบันต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจ (ประกอบกิจการ) ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม   พร้อมกับมี “ธรรมาภิบาล(การกำกับดูแลกิจการที่ดี) / (Good governance) ที่ดำเนินการภายใต้แนวทางของ การพัฒนาที่ยั่งยืนและ ความรับผิดชอบต่อสังคม

เป้าหมายใน ค.. 2030  สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว (ซึ่งได้ริเริ่มนำแนวความคิดนี้มาใช้และสร้างเสริมสมรรถภาพให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาต่อๆ ไป) ได้แก่  (1) มีการจัดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน   (2) มีการจัดการสารเคมีและของเสียทุกประเภทตลอดวัฏจักรชีวิตและลดการปล่อยสู่น้ำ อากาศ ดิน เพื่อลดผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม (ภายใน ค.. 2020)   (3) มีการลดและป้องกันการเกิดของเสียด้วยหลักการ 3R คือ ลดการใช้วัตถุดิบ การนำกลับมาใช้ซ้ำ และหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่   (4) สนับสนุนผู้ประกอบการขนาดใหญ่และบริษัทข้ามชาติ  ให้นำแนวทางที่ยั่งยืนไปปฏิบัติและมีการรายงานข้อมูลความยั่งยืน   (5) สนับสนุนแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างที่ยั่งยืนให้เป็นนโยบายของทุกประเทศ

กรอบความคิดของ การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงมุ่งให้เกิด ความสมดุล ระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเน้นให้ปรากฏเป็น “นโยบายในการบริหารจัดการองค์กรและการประกอบกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งระดับองค์กรและระดับประเทศ

แต่ปัจจุบัน  ก็ยังมีกรอบความคิดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อันได้แก่ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)  อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry)  การเติบโตสีเขียว (Green Growth)   และ “สีเขียวอื่นๆ  ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการแผนกลยุทธ์หรือแผนกิจกรรมเพื่อช่วยให้ดำเนินไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน  ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคไปสู่วิถีทางที่ยั่งยืนในระยะยาว

ทุกวันนี้  การสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อรองรับ “การพัฒนาที่ยั่งยืน”  จึงสำคัญมากขึ้น  โดยเฉพาะการเสริมสร้างความตระหนักรู้  ในกระบวนการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการมีธรรมาภิบาลด้วย

ดังนั้น การพัฒนาที่ยั่งยืน  จึงเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมที่ ผู้นำยุคสุดท้ายปฏิเสธไม่ได้ คือ ต้องทำด้วยใจ (ด้วยความรับผิดชอบ) มากกว่าทำเพราะถูกกฎหมายบังคับหรือสังคมกดดัน เพื่อความยั่งยืนขององค์กร

ยิ่งในโลกของโซเชียลมีเดียทุกวันนี้ด้วยแล้ว  การสนับสนุนและร่วมกันพัฒนา “ชุมชนให้เข้มแข็งด้วยจิตสำนึกของ ความรับผิดชอบต่อสังคมและ การพัฒนาที่ยั่งยืนยิ่งต้องชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ครับผม !