ความหลากหลาย เพิ่มพลังให้การทำงาน
ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา พวกเราคงได้เห็นสัญลักษณ์สีรุ้งเต็มโซเชียล
ในเดือน มิ.ย. ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองเดือน มิ.ย. หรือ Pride Month เดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาวหลากหลายทางเพศที่แสดงออกถึงสิทธิและความเท่าเทียมทางเพศตลอดเดือนมิ.ย. ของทุกปี (LGBTQ เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศย่อมาจาก Lesbian, Gay, Bisexual, และ Queer)
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมามีองค์กรระดับโลกจำนวนไม่น้อย ที่ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนสิทธิ LGBTQ+ เพื่อปกป้องบุคคล LGBTQ+ จากการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน หลายบริษัทยังแสดงจุดยืนทางธุรกิจมากขึ้นด้วยการกำหนดเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการสรรหาบุคลากร กลุ่มทรัพยากรพนักงาน และการตลาดที่เปิดรับสิทธิ LGBTQ+
แม้บางบริษัทจะทำเพียงเพื่อ Check the list บางที่ทำเพราะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ควรทำ บางที่ก็ทำเพราะต้องการดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้กับองค์กร แม้จะมีสัญญาณแห่งความก้าวหน้าเหล่านี้ แต่ความท้าทายมากมายยังคงมีอยู่สำหรับชุมชน LGBTQ+ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในสถานที่ทำงาน
งานวิจัยระดับโลกโดย Women in the Workplace พบว่า ผู้หญิง LGBTQ+ มีบทบาทน้อยกว่าผู้หญิงทั่วไปในองค์กร และแม้แต่ผู้นำหญิงในองค์กรที่เป็น LGBTQ+ ก็มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่ยอมเปิดเผยตัวตน จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิง LGBTQ+ และพนักงานที่มีความหลากหลายทางเพศมักจะรู้สึกโดดเดี่ยวในที่ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มที่ไม่ได้เปิดเผย เช่น สังคมในสถานที่ทำงานที่มีการพูดคุยถึงครอบครัว เรื่องส่วนตัว เช่น สามีภรรยาเป็นใคร ทำงานที่ไหน วันเสาร์อาทิตย์ทำอะไรกับใคร
บทสนทนาเหล่านี้ในที่ทำงานที่ทำให้กลุ่มที่ไม่อยากเปิดเผย ยิ่งถูกมองว่าไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีม ทำให้เกิดประสบการณ์ในที่ทำงานเชิงลบ และความเดียวดายนี้เองที่ส่งผลต่อความเครียด ความกดดันในการทำงาน ขาดแรงจูงใจในการเติบโตในสายอาชีพ และเติบโตไปเป็นผู้บริหารระดับสูง
บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป ทำการศึกษาทักษะความเป็นผู้นำองค์กรเพื่อพาองค์กรไปสู่มาตรฐานสากล (LeadershipACT) พบบทบาทสำคัญข้อหนึ่งของผู้นำองค์กรยุคนี้คือ การเป็นนักส่งเสริมความหลากหลาย (Diversity Promoter) กล่าวคือต้องสามารถมองเห็นภาพใหญ่ เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจากมุมมองระดับสากล และรู้จักใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัตน์ที่นับวันจะทำให้โลกค่อยๆ เล็กลง นอกจากนั้นยังต้องให้ความสำคัญและให้คุณค่ากับความแตกต่างที่หลายหลาย และการให้คุณค่ากับความแตกต่างที่หลากหลายนี้เอง ประกอบไปด้วย
1. ทำให้พนักงานที่มีภูมิหลังต่างกัน ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ทำให้พนักงานที่มีความแตกต่างมีส่วนร่วม ในความสำเร็จขององค์กรอย่างเท่าเทียม
3. สร้างวัฒนธรรมในการเปิดรับความคิดเห็นจากพนักงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีความแตกต่าง
ในวันนี้การดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโต จำเป็นอย่างยิ่งต้องผนึกพลังคนและใช้ประโยชน์จากความแตกต่างและหลากหลายเพื่อเพิ่มพลังคนในที่ทำงานไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ผู้นำองค์กรและผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้แน่ใจว่าองค์กรของพวกเขามีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นมิตรสำหรับพนักงานที่มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายทางความคิด ความเชื่อ วัฒนธรรม เชื้อชาติ ประสบการณ์ วัย และเพศ แน่นอนที่สุด นี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้พนักงานภูมิใจในความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยก ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะในสถานที่ทำงานแต่ออกสู่สังคมภายนอกด้วยเช่นกัน
#DiversityPromoter
#LeadershipACT
#Leadership
#Pride2021
#LGBTQ
#DiversityAndInclusion