ส่องกล้องมอง Sentiment ของตลาดผ่านราคาหุ้น Netflix
ยังคงต้อนรับปีเสือได้อย่างดุเดือดสำหรับตลาดการเงิน หลังจากสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี หุ้นเติบโต รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ยังคงปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รวมถึงสภาพคล่องในตลาดที่อาจจะลดลงในอนาคต ในขณะที่เริ่มเข้าสู่ฤดูของการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 ซึ่งมีทั้งดีและแย่ผสมกันไป โดยหุ้น Netflix คือหนึ่งในกลุ่มหลัง ซึ่งหลังจากประกาศผลประกอบการออกมา ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากถึง 21.8% ภายในวันเดียว สะท้อนความเปราะบางของหุ้นกลุ่มเติบโตในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี วันนี้เรามารอพิจารณากันว่าแรงขายดังกล่าวบอกอะไรเราได้บ้างเกี่ยวกับอารมณ์ของตลาดและภาพรวมในปัจจุบัน
ระดับมูลค่าซื้อขายที่สูง ทำให้มี Upside น้อยในขณะที่ Downside ค่อนข้างมาก
เมื่อผลประกอบการเติบโต ... แต่ผิดจากความคาดหวังของนักลงทุน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าแรงขายของหุ้น Netflix เกิดจากการที่บริษัทคาดว่ายอดสมาชิกใหม่ (Net Paid Membership Additions) จะเพิ่มขึ้นเพียงราวๆ 2.6-2.8 ล้านบัญชีต่อไตรมาสเท่านั้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 เทียบกับไตรมาส 4/2565 ที่เพิ่งประกาศไปที่มียอดสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 8.28 ล้านบัญชี ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 8.19 ล้านบัญชี
โดยแนวโน้มที่ช้าลงส่วนหนึ่งมาจากคอนเทนต์หลักที่จะมาในช่วงปลายไตรมาส และผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น อเมริกาใต้ นอกจากนี้หากเราพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่าแนวโน้มแม้จะช้าลง แต่ในภาพรวมธุรกิจยังมีความน่าสนใจอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของสมาชิกใหม่ที่เติบโตขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในฝั่งเอเชียที่เพิ่มขึ้นมากถึง 3.5 ล้านคนในไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งอาจมาจากความนิยมในซีรีส์ยอดนิยมตลาดกาลอย่าง Squid Game ในช่วงต้นไตรมาส
ในขณะที่รายได้ต่อบัญชีสมาชิกก็ยังสามารถทำได้ดีแม้จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 11.58 ดอลลาร์ ต่อบัญชี และแม้จะมีหลายประเด็นในเชิงลบ เช่น กำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มลดลง และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ติดลบเยอะขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการทุ่มเงินผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ แต่ในภาพรวมก็จะเห็นได้ว่าการที่ราคาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงนั้นไม่ได้เกิดจากผลประกอบการที่แย่ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผิดคาดจากที่นักลงทุนได้ประเมิน (Price-in) ในราคาหุ้นปัจจุบัน ทำให้เกิดแรงเทขายออกมา เป็นตัวอย่างการสะท้อนความเปราะบางของหุ้นได้เป็นอย่างดี หลังจากซื้อขายในระดับ P/E ที่สูงต่อเนื่องมาตลอดในช่วงหลัง
ธุรกิจที่ดีย่อมดึงดูดการแข่งขัน
เป้าหมายของบริษัทคือการดึงดูดสมาชิกที่รับชมทีวีในรูปแบบเดิมให้ได้ราว 800-900 ล้านคน ซึ่งหากเติบโตได้ปีละ 20-30 ล้านคน ก็ดูมีความเป็นไปได้ในระยะยาว แต่จากรูปแบบธุรกิจที่เป็น Platform ที่ทำกำไรได้ดี และขยายไปได้อย่างรวดเร็วทั่วโลก (อันเป็นจุดเด่นของหุ้นที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆ) ก็เริ่มดึงดูดผู้เล่นใหม่ๆ รวมถึงผู้เล่นเดิมที่หันมาใช้กลยุทธ์ที่มีความคล้ายคลึงกัน เช่น Disney+, HBO Max, Amazon Prime และยังมีอีกหลายราย ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น ส่งผลให้ต้องมีการลงทุนเพื่อรักษาระดับการแข็งขัน
ในกรณีก็คือ การเพื่มหรือการผลิตคอนเทนต์เป็นของตัวเองมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาสล่าสุด และยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อไปในอนาคต ส่งผลให้แม้บริษัทจะทำรายได้มากขึ้น แต่ผลกำไรก็มีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ลดลง ในทำนองเดียวกันกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่างๆ ที่น่าจะมีลักษณะคล้ายกัน ภาวะตลาดในปัจจุบันแม้อาจจะไม่ถึงขนาดเป็นฟองสบู่ดังเช่นที่หลายๆ ฝ่ายกังวล แต่การเติบโตในช่วงที่ผ่านมาน่าจะดึงดูดการแข่งขันและอาจทำให้การเติบโตช้าลงในอนาคตก็เป็นได้
ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างเปราะบางโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโตและเทคโนโลยี
ในภาวะที่ปัจจัยลบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กลุ่มที่จะโดนเทขายออกมาเป็นกลุ่มแรกมักจะเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงในช่วงที่ผ่านมาอยู่เสมอ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ โดยเฉพาะในหุ้นในกลุ่มนี้ที่แทบจะไม่มีการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตลาดการเงินนั้นมักจะปรับตัวรับปัจจัยใหม่ และตีมูลค่าสินทรัพย์ใหม่ๆ อย่างรวดเร็วเสมอ ซึ่งทำให้เราน่าจะพอเห็นความเปราะปรางของตลาดการเงินในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี ข่าวร้ายเพียงนิดเดียวก็พร้อมจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
แต่จะเป็นโอกาสอันดีในการสะสมหุ้นต่างประเทศหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาการลงทุน รวมถึงปัจจัยที่เรายังคาดเดาไม่ได้ในระยะสั้น ในเรื่องของทิศทางดอกเบี้ยหรือแม้แต่สภาวะตลาดโดยรวม แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้คือเรายังคงต้องใช้ความระมัดระวังและบริหารจัดการความเสี่ยงของการลงทุนให้ดีครับ
หมายเหตุ บทวิเคราะห์นี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของหน่วยงานต้นสังกัดแต่อย่างใด