เมื่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เราควรปรับตัวอย่างไร?

อีกเพียงไม่กี่เดือนประเทศไทยก็จะประกาศปรับการแพร่ระบาดโควิด-19 เข้าสู่โรคประจำถิ่นในวันที่ 1 ก.ค.2565 ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์และมาเลเซียก็ได้กลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา ในขณะที่อินโดนีเซียและเวียดนามก็เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

การปรับตัวเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีทำให้คนไทยสนใจที่จะกลับมาเริ่มเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง และเรายังเห็นความตื่นตัวในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง จากผลสำรวจการเดินทางจากผู้ใช้งาน YouTrip ล่าสุดพบว่าคนไทยสามในสี่คนมีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์นี้

โดย 70% นั้นจะเลือกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อพักผ่อน และกลับไปเยี่ยมครอบครัว นอกจากนี้เรายังเห็นตัวเลขการใช้จ่ายที่ร้านค้าในต่างประเทศของเดือนมี.ค. 2565 พุ่งสูงถึง 650% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคนไทยเริ่มกลับมาเดินทางไปต่างประเทศอีกครั้ง

เทรนด์การเดินทางที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้

การท่องเที่ยวภายในประเทศจะยังคงเป็นที่นิยม และทริปที่สั้นยังคงได้รับความสนใจจากคนไทยส่วนใหญ่ อ้างอิงจากผลสำรวจการเดินทางของ YouTrip ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของ Visa Voice of the Consumer ที่พบว่าหนึ่งในสองของผู้ตอบแบบสอบถามมีแนวโน้มท่องเที่ยวพักผ่อนในประเทศในปี 2565

นอกจากนี้ผลสำรวจของ YouTrip ยังพบว่า 70% ระบุว่าการทำตามข้อจำกัดการเดินทางของแต่ละประเทศยังเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศอยู่

สำหรับคนที่พร้อมที่จะทำตามกฎเกณฑ์การเข้าประเทศของประเทศต่าง ๆ ผลสำรวจของ YouTrip พบว่าเกือบ 50% เลือกไปเที่ยวประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ในขณะที่การท่องเที่ยวในเอเชียก็เริ่มกลับมาเป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง หลังจากเกาหลีใต้เริ่มกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว สำหรับระยะเวลาที่เหมาะสมพบว่า 40% เลือกที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณสองสัปดาห์เพื่อให้คุ้มค่าหลังจากไม่ได้เที่ยวมาเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ยังพบว่าคนไทยพร้อมที่จะช้อปที่ต่างประเทศหลังจากอัดอั้นมานาน โดยผลสำรวจของ YouTrip พบว่าเกือบ 50% ของผู้ใช้งานเตรียมเพิ่มงบสำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศอย่างน้อย 20% ทั้งนี้การเพิ่มงบสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศอาจเป็นเพราะความกังวลในราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นทั่วโลกและเริ่มส่งผลกระทบต่อราคาตั๋วเครื่องบิน หรือการเลือกที่พักที่ได้มาตรฐานด้านสุขอนามัยที่ดีขึ้นก็ได้

แม้เกือบ 50% ของผู้ใช้งานเตรียมเพิ่มงบสำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศ ในขณะเดียวกันก็มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายให้คุ้มค่า เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังคงค้นหาดีลพิเศษส่วนลดและเงินคืนต่าง ๆ เพื่อช่วยประหยัดในการจองทริป และเหลือเงินไว้สำหรับชอปปิงและใช้จ่ายอื่น ๆ ระหว่างการท่องเที่ยว

เตรียมพร้อมเพื่อรับมือพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันนั้นแตกต่างจากช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 ดังนั้นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปจะช่วยให้ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวไทยสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้

ประการแรก คือ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยนโยบายการจองและการยกเลิกที่ยืดหยุ่น ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่าสิ่งต่าง ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการให้เปลี่ยนหรือยกเลิกการจองโดยมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำหรือไม่มีค่าใช้จ่ายเลย รวมถึงขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากยังคงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่นักท่องเที่ยวมองหาเวลาแพลนทริป

ประการที่สอง คือ ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายแบบไร้สัมผัสเพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่าย สวัสดิภาพของนักท่องเที่ยวยังคงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก แม้ว่าประเทศไทยกำลังเริ่มปรับให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นก็ตาม นอกจากนี้คนไทยเองก็คุ้นเคยกับเทคโนโลยีการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัสมากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการที่สามารถรับชำระเงินแบบไร้สัมผัสได้ จะดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น

ประการสุดท้าย คือ ช่วยให้นักท่องเที่ยวประหยัดเงินมากขึ้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่พร้อมที่จะมอบส่วนลดพิเศษและโปรโมชันต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งเห็นได้ชัดจากความสำเร็จของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ดังนั้นเราเชื่อว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะยังคงตามล่าหาดีลพิเศษส่วนลดและเงินคืนเพื่อความคุ้มค่าเวลาแพลนทริป

จากผลสำรวจของ YouTrip พบว่ามากกว่า 70% ระบุว่าส่วนลดและเงินคืนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวได้ ดังนั้น YouTrip จึงร่วมมือกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนํา เช่น Booking.com, Agoda และ Klook เปิดตัว YouTrip Perks ฟีเจอร์ใหม่ เพื่อให้คนไทยได้ดีลพิเศษส่วนลดและเงินคืนเที่ยวบิน ที่พัก และประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวที่ดีที่สุด

การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในช่วงต้นปี 2565 อาจทำให้การท่องเที่ยวหยุดชะงักลงชั่วคราว แต่การเริ่มกลับมาเปิดประเทศ การปรับตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่อัดอั้นมานานถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการพลิกฟื้น เราเชื่อว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะใช้เวลาไม่นานที่จะกลับมาคึกคักเทียบเคียงสภาวะก่อนเกิดโรคระบาดหรือมากกว่านั้น