ลูอิส แฮมินตัล แชมป์ F1 7 สมัย กับจุดเปลี่ยนสำคัญ จาก เมอร์เซเดส สู่ เฟอร์รารี่

ลูอิส แฮมินตัล แชมป์ F1 7 สมัย กับจุดเปลี่ยนสำคัญ จาก เมอร์เซเดส สู่ เฟอร์รารี่

ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของหน้าประวัติศาสตร์ “F1” เมื่อ “ลูอิส แฮมินตัล” แชมป์โลก 7 สมัย ตัดสินใจอำลาทีม “เมอร์เซเดส” ที่ผูกพันมามากกว่า 10 ปี เพื่อเข้าร่วมทีม “เฟอร์รารี่” ในฤดูกาล 2025 นี้

เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับวงการการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือ ฟอร์มูลาวัน ที่เรียกกันย่อๆ ว่า “F1” เมื่อ “ลูอิส แฮมิลตัน” หรือ Lewis Hamilton แชมป์ FIA Formula One World Championship 7 สมัย ตัดสินใจโบกมือลาทีมเมอร์เซเดส (Mercedes) ในปี 2024 และเข้าร่วมทีมเฟอร์รารี่ (Ferrari) ในปีนี้

เส้นทางเริ่มต้นสู่สนาม F1 ของลูอิสเกิดขึ้นในปี 1995 เมื่อเขาคว้าแชมป์การแข่งโกคาร์ทมาได้ตอนอายุ 10 ขวบ ต่อมาเขาสามารถคว้าแชมป์การแข่งรถโกคาร์ทได้ถึง 8 รายการในรอบ 6 ปี ต่อมาในปี 2006 จากการออกสตาร์ททั้งหมด 21 ครั้ง ก็ได้รับชัยชนะถึง 5 ครั้ง เรียกว่าลูอิสในตอนนั้นเป็นดาวรุ่งรุ่นเยาว์ของอังกฤษในวงการก็ว่าได้ ทำให้ แมคลาเรน (McLaren) ตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งเขาสู่ทีม “ฟอร์มูลาวัน

ต่อมาในปี 2007 ลูอิสก็ได้เข้าร่วมการแข่งขัน F1 อย่างเป็นทางการ และทำผลงานได้เหนือกว่าผู้ร่วมทีมที่มีฉายาว่าเทพแห่ง F1 อย่าง เฟร์นานโด อลอนโซ่ (Fernando Alonso) อย่างต่อเนื่อง สามารถชนะการแข่งขันได้ถึง 4 ครั้ง และพ่ายแพ้ให้กับทีมของ เฟอร์รารี่เพียงแต้มเดียวในการแข่งรอบสุดท้าย

เมื่อเข้าสู่ปี 2008 ผลงานของลูอิสก็เริ่มโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบนสนามแข่ง Interlagos ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคดเคี้ยวและยังมีฝนตกลงมาระหว่างการแข่ง แต่เขาสามารถเอาชนะเจ้าถิ่นอย่าง เฟลิเป้ มาสซ่า (Felipe Massa) ไปได้ โดยทิ้งห่างไปเพียง 300 เมตรเท่านั้น และชัยชนะครั้งนั้นทำให้เขาคว้าแชมป์แรกในชีวิตมาได้ด้วยวัยเพียง 23 ปี ถือเป็นแชมป์โลกอายุน้อยที่สุด

ในฤดูกาลต่อๆ มาเขาก็ยังทำผลงานได้ดีเสมอ ก่อนจะประกาศออกจากทีม แมคลาเรน เพื่อเข้าไปร่วมทีม เมอร์เซเดส ในปี 2013 ซึ่งเขาก็ยังสร้างผลงานได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากเข้าสู่วงการแข่ง F1 มืออาชีพ ลูอิสสามารถคว้าแชมป์ได้รวมทั้งหมด 7 สมัย ได้แก่ 2008, 2014, 2015, 2017, 2018, 2019 และ 2020

ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าลูอิสใช้ชีวิตในการแข่ง F1 อยู่กับเมอร์เซเดสนานถึง 16 ปี เพราะช่วงที่อยู่กับแมคลาเรนรถของทีมก็ใช้เครื่องของเมอร์เซเดสเช่นกัน แต่ในปี 2024 ที่ผ่านมาหลังจบฤดูกาลแข่ง เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่ทีมเฟอร์รารี่ และจะเริ่มแข่งครั้งแรกของฤดูกาล 2025 นี้ ในวันที่ 14-16 มีนาคม ที่ประเทศออสเตรเลีย

การตัดสินใจย้ายทีมของลูอิสสร้างความฮือฮาให้กับวงการ F1 มากพอสมควร เพราะไม่ว่าจะเป็นทาง F1 เอง หรือทางทีมเมอร์เซเดส ไปจนถึงแฟนคลับต่างร่วมกันอำลาลูอิสในฐานะที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างตำนานให้ทีมเอาไว้มากมาย และในการแข่งครั้งสุดท้ายเขาได้พูดกับทีมงานผ่านวิทยุสื่อสารในตัวรถว่า 

เรามีความฝันเพียงลำพัง แต่เรามีความเชื่อร่วมกัน และในฐานะทีม เราประสบความสำเร็จ ขอขอบคุณในความกล้าหาญของทุกคน ขอบคุณที่มองเห็นความตั้งใจของผม และคอยสนับสนุนผม พวกเราเริ่มจากกลุ่มคนที่มีความศรัทธา และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นการเดินไปสู่อีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ เราทำทุกอย่างมาด้วยกัน ผมรู้สึกขอบคุณทุกคนมากทั้งคนที่อยู่ที่นี่ไปจนถึงทีมงานหลังบ้านที่โรงงาน จากก้นบึ้งของหัวใจ

นอกจากเรื่องของการแข่งขันแล้วลูอิสก็ได้รับการยอมรับจากแวดวงแฟชั่นด้วยเช่นกัน ทำให้แบรนด์ระดับโลก “TOMMY HILFIGER” เลือกให้เข้ามารับตำแหน่ง Global Brand Ambassador และได้ร่วมสร้างคอลเลกชัน TommyXLewis ถึง 4 คอลเลกชัน รวมถึงดำรงตำแหน่งทูตเสื้อผ้าบุรุษของ British Fashion Council อีกด้วย โดยเขาจะมีส่วนร่วมในการดูแล สนับสนุน และให้คำแนะนำในประเด็นสำคัญที่อุตสาหกรรมการออกแบบของอังกฤษกำลังเผชิญอยู่