จังหวะลงทุนตราสารหนี้ เมื่อการขึ้นดอกเบี้ยใกล้สิ้นสุด
“เงินเฟ้อ” เป็นคำที่เราได้ยินมาตลอดในช่วง 2-3 ปี เพราะทำให้ข้าวของพากันขึ้นราคากันอย่างต่อเนื่อง
จนรู้สึกได้เลยว่าแพงขึ้นจริงๆ สาเหตุหลักที่ทำให้เงินเฟ้อทั่วโลกสูงขึ้นนั่นก็คือ 1. ความต้องการสินค้าและบริการหลังจากเปิดเมืองจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นจากการกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแต่ปริมาณมีไม่เพียงพอ รวมถึงปัญหา supply chain disruption ที่เกิดระยะสั้น เช่น การขาดแคลนชิบและตู้คอนเทนเนอร์
2. การใช้นโยบายอัดฉีดเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมาได้เร็วที่สุด 3.มาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อดูแลผู้ตกงานและชดเชยรายได้ครัวเรือนที่ขาดหายไปจากการแพร่ระบาด หนึ่งในมาตรการที่ออกมา เช่น Build Back Better ของสหรัฐเป็นมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจขนาด 6 ล้านล้านดอลลาร์ ( ประมาณ28% ของ GDP)
รวมไปถึง 4.สงครามรัสเซีย - ยูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานปรับสูงจากมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อรัสเซียทำให้ปริมาณน้ำมันโลกหายไปบางส่วน รวมถึงการส่งออกปุ๋ยและอาหารซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED รวมถึงหลายประเทศ ต้องใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว( tightening monetary policy )ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา
จนปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงจากระดับสูงสุดแล้ว (แม้จะยังอยู่สูงจากเป้าหมายที่ FED ได้ตั้งไว้) แต่ก็เริ่มเห็นภาพแล้วว่าวัฏจักรการขึ้นของเงินเฟ้อและดอกเบี้ยใกล้จะจบลงแล้ว จึงทำให้สินทรัพย์ประเภท “ตราสารหนี้” มีความน่าสนใจขึ้นมาทันที
หากย้อนกลับไปดูอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 ที่ผ่านมา Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 7 ครั้ง รวม 4.25% จาก 0% - 0.25% เป็น 4.25% - 4.5% ส่วนในปี 2023 FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วอีก 4 ครั้ง แน่นอนว่าทุกคนคงมีคำถามว่า “ตอนนี้ตราสารหนี้ควรที่จะต้องมีราคาถูกแล้วใช่ไหม? ”
คำตอบคือ ในช่วงที่ผ่านราคาตราสารหนี้ปรับลดลงอย่างมากจากภาวะดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบหลายปี จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในตราสารหนี้ ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีข้อจำกัดส่งผลให้ราคาตราสารหนี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับลงทุนสะสมตราสารหนี้ ขณะเดียวกันตราสารหนี้ยังสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงกับพอร์ตการลงทุนได้ เพราะถ้าภาวะเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอนและสินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวน จะทำให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายการลงทุนมายังกลุ่มตราสารหนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขึ้นว่าการลงทุนแล้วมีความเสี่ยงกันทั้งนั้น แม้กระทั้งกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ปลอดภัย เอาไว้พักเงิน ซึ่งความเสี่ยงที่ต้องคอยระวังอยู่เสมอ นั่นก็คือความเสี่ยงด้านเครดิต และความเสี่ยงจากตลาดนั้นเอง เมื่อไหร่ที่อัตราดอกเบี้ยถูกปรับขึ้นราคาตราสารหนี้จะลดลงทันที
ฉะนั้นไม่ว่าจะสินทรัพย์ประเภทไหนการจับจังหวะเข้าซื้อยังเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องยาก แต่ปัจจุบันกองทุนรวมหลายกองที่มีกลยุทธ์การลงทุนที่ไม่ต้องจับจังหวะลงทุน เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนระยะยาวและกระจายความเสี่ยง ให้นักลงทุนได้พิจารณาเพื่อเป็นการออมเงินในระยะยาว