การลงทุนโดยปลอดภัย วิกฤติหรือวินัย?
ภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก เงินเฟ้อหรือเงินฝืด สงครามวงแคบหรือวงกว้าง รัสเซียหรือยูเครน อิสราเอลหรือ ปาเลสไตน์ ราคาน้ำมันจะขึ้นหรือลง มหาอำนาจจะทะเลาะกันหรือหันมาเป็นมิตรกัน
ทำไมสหรัฐกับจีนถึงทำศึกทางการค้าแต่เมื่อผู้นำพบกันที่ APEC กลับดูเหมือนสองคนมีไมตรี ฯลฯ หลายคนคงรู้สึกเหมือนถูกดึงไปทุกทาง ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกรับข้อมูลและข่าวสารจากใคร บางครั้งเราเกิดสับสนแทบแยกไม่ออกว่า อะไรคือข้อเท็จจริงและควรจะเชื่อใครดี
เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีวิกฤตจริงหรือ?ทำไมดัชนีหุ้นของบ้านเราจึงดูหดหู่ ขณะที่ต่างประเทศถึงดูคึกคัก? ตลาดหุ้นไทยราคาต่ำพอที่จะซื้อหรือยัง? จะรอไปอีกระยะหนึ่ง หรือต้องรีบซื้อก่อนที่จะสายเกินไป?
หากท่านมีความสับสนและหงุดหงิดกับข่าวสารแต่ละวัน ผมยืนยันว่าหลายคนก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะอยู่ในภาวะจิตใจที่จะรับข้อมูลได้อย่างไร จากแหล่งไหน เมื่อไหร่
วิกฤตหรือไม่วิกฤติ จะเชื่อใครดี? รัฐบาลออกมาแถลงว่าเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ถึงขั้นวิกฤต "ต้องรีบปั๊มหัวใจก่อนที่จะสายเกินไป"
นับตั้งแต่ต้นปีมา จนถึงวันที่ 23 พ.ย. พ.ศ. 2566 (year-to-date) ดัชนีตลาดหุ้นไทย Thailand Stock Exchange SET -15.70% อยู่ที่ 1,406.61 จุด ดัชนีตลาดหุ้นจีน Shanghai Stock Exchange SSE -2.14% ที่3,049.70 จุด ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ American S&P 500 +19.15% อยู่ที่ 4,556.62 จุด
ตัวเลขดังกล่าวดูเหมือนตลาดหุ้นไทยย่ำแย่ ขณะที่จีนตกแต่ยังไม่หนักมากนัก ขณะที่อเมริกาผลตอบแทนในการลงทุนในตลาดหุ้นสูงสวนกระแส
ขณะที่ธนาคารชาติออกมาเน้นว่า "เราต้องคิดให้รอบคอบ เพราะสุขภาพของเศรษฐกิจในประเทศปัจจุบันนี้ ถึงแม้จะดูไม่ดีนัก แต่ก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นเรื่อย อาการป่วยมีจริง แต่อยู่ในระหว่างพัฒนาร่างกาย ขอให้อดทนอีกหน่อยและมีวินัย หันมาปรับปรุงเรื่องโครงสร้างแล้วเราก็จะดีขึ้น แต่หากทำอะไรบุ่มบ่าม หากเกิดพลาดพลั้งผิดคาด ก็อาจจะนำมาสู่ความเสี่ยง ซึ่งทำให้เราเสียวินัยทางการคลัง ขาดความเชื่อถือในสายตาของสถาบันการเงินต่างประเทศ และอาจนำมาสู่การลดเครดิต ต่อไป ถึงการถอนตัวดึงเงินลงทุนจากไทยออกไปนอกประเทศ"
นักวิชาการและนักการเงินการธนาคารทั้งในและนอกประเทศออกมาวิจารณ์เรื่อง "วิกฤติและความเร่งด่วน" หลายวาระ ซึ่งแต่ละท่านก็มีเหตุผลที่น่าฟัง
แต่เราก็รู้ว่าในที่สุดก็คงจะลงเอยที่ "การตัดสินใจของผู้นำรัฐบาล ว่าจะผลักดันนโยบายนี้ให้เป็นจริงเป็นจังได้หรือไม่" โดยต้องผ่านอุปสรรคหลายขั้นตอนทั้งกฎหมายและกระแสสนับสนุนทางการเมือง
สมมุติว่าเงินอัดฉีดในกระแสโดยโครงการดิจิทัล 10,000 บาททำได้สำเร็จจริง ภายในประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ทุกคนก็ควรร่วมมือกันใช้เงินที่ได้รับนั้นให้เป็นประโยชน์ที่สุด โดยเฉพาะใช้จ่ายอุดหนุนซื้อสินค้าซึ่งผลิตในประเทศโดยเร็วที่สุด และหวังว่าจะมีการหมุนเวียนเงินนั้นเป็นการทวีคูณอีกหลายครั้ง เพื่อให้รัฐบาลเก็บภาษีหลายรอบ คุ้มค่ากับการยืมเงินมาอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลพยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากติดขั้นตอนของกฎหมาย หรือกระแสการเมืองขัดขวาง ทำให้การอัดฉีดเงินในระบบทำไม่ได้ เราควรที่จะช่วยกันด้วยความสามัคคีหาทางระดมความเชื่อมั่น ให้มีเงินหมุนเวียนในประเทศโดยด่วนที่สุด เช่น การกระจายสินทรัพย์จากผู้ที่มีกำลังการซื้อสูงกว่า อุดหนุนสินค้าและบริการของผู้ประกอบกิจการระดับกลางและระดับย่อยภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้เป็นการชุบชีวิตธุรกิจขนาดเล็ก
และที่สำคัญที่สุดคือการปฏิรูปปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจให้ทันสมัยโดยใช้เทคโนโลยีและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกัน
สถาบันการเงินต่างประเทศที่ดึงทุนออกจากไทยไปเป็นจำนวนมากน่าจะกลับเข้ามาคืน เพราะไทยมีศักยภาพสูงมากที่จะเติบโตในระดับต้นต้นของภูมิภาค
ความสำเร็จในการไปเจรจาเชิญชวนการลงทุนจากบริษัทใหญ่ต่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรี ที่เป็นนักขายหมายเลขหนึ่งของไทย ไปสหรัฐอเมริกาสองครั้งและจีนหนึ่งครั้ง หลายบริษัทแถลงว่าพร้อมที่จะมาลงทุนกับไทย เช่น Google, Microsoft & Amazon และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นย้ำว่าสนใจกับโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นต้น
การที่จีดีพีของไทยต่ำเป็นเวลานานอาจเป็นปัญหาในปัจจุบัน แต่ในสายตาของนักลงทุนแล้ว อาจมองเห็นว่ามีโอกาสที่จะโตขึ้นมากกว่าประเทศที่อัตราการเติบโตนั้นเต็มอิ่มแล้ว
การมีวินัยและความสามัคคีในชาติทางการเงินการธนาคารจะส่งผลบวกยั่งยืน ไทยเราทำมาได้ดีแล้ว แม้มีอุปสรรคบ้าง แต่เราก็สามารถหาทางออกร่วมกันได้เสมอ ไม่ว่าผลของการอัดฉีดเงินเพื่อแก้ไขหรือป้องกันวิกฤตที่รัฐบาลกำลังทำอยู่นี้จะสำเร็จหรือไม่ ขอให้เรายึดมั่นความเป็นหนึ่งเดียวมองประโยชน์ส่วนรวมระยะยาว มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวและคะแนนนิยมของพรรคการเมือง
ตัวอย่างของประเทศที่ขาดความสามัคคีและขาดวินัย จนป่วยเรื้อรังทางเศรษฐกิจคือ อาร์เจนตินา
นักการเมืองวงนอก สส. Javier Milei ที่หวือหวา ขวาสุดโต่ง หาเสียงว่าหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีจะเปลี่ยนระบบการเงินมาอิงกับอเมริกันดอลลาร์ หมายถึงยกเลิกเงินตราของอาร์เจนตินาไปโดยอัตโนมัติ เขาชนะการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยคะแนนเสียง 56%
อาร์เจนตินามีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ ปี ค.ศ. 2021 ที่ 51% และ ค.ศ. 2022 ที่ 61%ปีนี้ ค.ศ. 2023 ธนาคารชาติของอาร์เจนตินาประเมินว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 180% ขณะที่ธนาคาร JP Morgan ประเมินว่าจะสรุปที่ 210% อาร์เจนตินาเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของอเมริกาใต้ (Brazil $1.8T, Argentina $546B)
บทเรียนของอาร์เจนตินาเตือนให้เราเห็นถึงผลกระทบของวินัยการเงินการธนาคารและความสามัคคีในชาติ
ไทยอาจจะดูเหมือนมีปัญหา และแต่ละคนอาจจะมีความเห็นในการแก้ปัญหาแตกต่างกันไป เราควรรับฟังความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายด้วยความเคารพ บทบาทของผู้นำรัฐบาลและผู้นำทางเศรษฐกิจผลักดันนโยบายที่เห็นว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ เป็นสิ่งที่เราวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเต็มที่ แต่เมื่อถึงบทสรุปว่าเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ถึงแม้นโยบายนั้นอาจจะไม่ตรงกลับที่เราคิดไว้ แต่ขอให้สามัคคีสนับสนุนกันจนบรรลุผลเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติครับ