10 ธีมการลงทุนสำหรับปี 2567
ปี 2567 นับเป็นที่น่าสนใจอย่างมากและอาจมีจุดเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนและการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ของนักลงทุนได้ โดยธีมที่น่าสนใจสำหรับปีนี้ด้วย 10 ธีม
สำหรับเรื่องของการลงทุน ในปี 2566 นับเป็นที่ผิดความคาดหมายในหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศหลัก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เคยคาดไว้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างมาก แต่เมื่อสิ้นปีเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังคงมีทิศทางที่ดี และชะลอตัวน้อยกว่าที่เคยคาดกันไว้ การเติบโตของกลุ่ม Technology โดยเฉพาะในธีม Generative AI ที่ดูเหมือนว่าจะเติบโตได้ดีกว่าคาด ส่งผลบวกต่อหุ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในส่วนของ Hardware และ Software อย่างมาก ทำให้ภาพรวมในปีนี้การลงทุนในหุ้นกลับมาให้ผลตอบแทนอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
ในขณะที่ปี 2567 นั้นนับเป็นที่น่าสนใจอย่างมากและอาจมีจุดเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนและการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ของนักลงทุนได้ โดยธีมที่น่าสนใจสำหรับปีนี้นั้นประกอบไปด้วย 10 ธีมดังต่อไปนี้
ธีมที่ 1 การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
สำหรับปี 2567 การคาดการณ์ด้านเศรษฐกิจยังมีความคล้ายคลึงกับที่เคยมองไว้ในปีก่อน ที่เศรษฐกิจน่าจะมีทิศทางชะลอตัวลง เงินเฟ้อมีทิศทางลดลง และดอกเบี้ยมีโอกาสปรับลดลง โดยการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ล่าสุดที่ Bloomberg รวบรวมไว้คาดว่า GDP ของเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในปีนี้ที่ 2.6% เทียบกับปีที่แล้วที่เติบโต 2.9% โดยสหรัฐฯ อาจจะเติบโตเพียง 1.2% ครึ่งหนึ่งของที่ทำได้ที่ 2.4% ในปีก่อน ยุโรปเร่งตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 0.6% เทียบกับ 0.5% ญี่ปุ่น 0.8% เทียบกับ 1.9% และจีน 4.5% เทียบกับ 5.2% โดยจะเห็นได้ว่าประเทศหลักส่วนใหญ่ทิศทางที่จะเติบโตได้อัตราที่ชะลอลงและการชะลอตัวคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก 2567 เป็นหลักก่อนจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นและเริ่มวัฏจักรของการฟื้นตัวต่อไป
โดยแต่ละประเทศก็จะมีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองแตกต่างกัน เช่น สหรัฐฯ อาจจะต้องจับตาดูทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน พ.ย. แต่ก็คาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดการเงินจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายและการหาเสียงในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านั้น ยุโรปอาจจะต้องจับตาดูทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ จีนอาจจะต้องจับตาดูประเด็นเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นต้น
โดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป หรือ ที่เรียกกันว่า “Soft Landing” นั้นอาจจะส่งผลดีต่อหุ้นบางกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Defensive และ Quality ซึ่งจะสอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจ และหากเกิดความไม่แน่นอนขึ้น เช่น เศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่าที่คาด ก็อาจจะมีปรับสัดส่วนอุตสาหกรรมของนักลงทุนจากหุ้น Growth และ Technology มาเป็นหุ้นในกลุ่มนี้ได้ด้วย อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจชะลอตัวน้อยกว่าคาดไว้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น ตลาดแรงงานที่ยังดี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงสูง ก็อาจจะยังคงส่งผลให้หุ้นเติบโตนั้นทำได้ดี แต่การมีหุ้น Defensive และ Quality ติดพอร์ตการลงทุนไว้บ้างก็อาจจะนับได้ว่าเป็นทางเลือกของการลงทุนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับโอกาสที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง
ธีมที่ 2 ทิศทางเงินเฟ้อที่ลดลงแม้ช้ากว่าที่ผ่านๆ มา
ในปี 2566 เงินเฟ้อปรับลดลงมาเร็วและมากกว่าที่หลายๆ ฝ่ายเคยคาดไว้ในช่วงต้นปีโดยเฉพาะธนาคารกลาง จนทำให้เริ่มมีการส่งสัญญาณการสิ้นสุดนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นออกมาอย่างชัดเจน โดยเงินเฟ้อน่าจะยังะมีทิศทางลดลงต่อเนื่องในปี 2567 แม้จะลดลงในอัตราที่ช้ากว่าและขนาดที่น้อยกว่า แต่น่าจะเพียงพอที่จะทำให้นโยบายการเงินกลับมาเป็นลักษณะผ่อนคลาย และเข้าสู่จุดเริ่มต้นของการทยอยปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งดีต่อกลุ่มตราสารหนี้โดยตรงที่นอกจากจะให้ดอกเบี้ยสูงอันเป็นผลจากดอกเบี้ยที่ขึ้นมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา และอาจจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากราคาที่เพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยที่ลดลงด้วย
โดยอาจแบ่งได้เป็น 2 กรณี ได้แก่ หากเศรษฐกิจไม่ผิดไปจากคาดการณ์หรือทำได้ดีกว่าคาด ก็จะทำให้ตราสารหนี้ในกลุ่ม Investment Grade หรือแม้กระทั่ง High Yield ให้ผลตอบแทนที่ดี รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลด้วย แม้อาจจะน้อยกว่าในสองกลุ่มแรก แต่หากเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากกว่าคาดกลุ่มที่น่าจะทำได้ดี คือ กลุ่มพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้นจะเห็นได้ว่าพันธบัตรรัฐบาลนั้นจะเป็นการลงทุนน่าสนใจในปีนี้เนื่องจากการปรับลดลงของดอกเบี้ย และจะเป็นการลงทุนที่ดีหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกด้วย
ธีมที่ 3 โอกาสในการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.
ปัจจัยเรื่องของดอกเบี้ยนับเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับทั้งสกุลเงินหลักและสกุลเงินของกลุ่มประเทศพัฒนา จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และปรับขึ้นจนอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าประเทศอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตามหากมองไปข้างหน้า โอกาสที่นโยบายการเงินสหรัฐฯ จะผ่อนคลายลงนั้นมีสูง และอาจส่งผลให้มีแรงสนับสนุนต่อค่าเงินดอลลาร์ สรอ. น้อยลง และหากดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลง ก็อาจจจะส่งผลดีต่อการลงทุนในภูมิภาคอื่นๆ โดยปีที่ผ่านมาแม้การลงทุนในภูมิภาคอื่นจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก แต่ก็โดนหักลบด้วยการอ่อนค่าของสกุลเงินท้องถิ่นเหล่านั้น ดังนั้นในปีนี้อาจจะเป็นจังหวะดีในการลดการกระจุกต้องของการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และเทคโนโลยีได้ นอกจากนี้ทองคำก็อาจจะเป็นอีกสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์หากเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลง
ส่วนอีก 7 ธีมที่เหลืออาจจะต้องยกยอดกันไปต่อในสัปดาห์ต่อๆ ไปครับ …
หมายเหตุ บทวิเคราะห์นี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของหน่วยงานต้นสังกัดแต่อย่างใด