เตรียมพอร์ตลงทุนปี 2568: ธีมเด่นและความเสี่ยงสำคัญ
3 ธีมเด่น ที่เป็นประเด็นหลักที่มีผลต่อการลงทุนในปี 2568 ธีมที่ 1 ภายใต้นโยบายของ Trump 2.0 ธีมที่ 2 กระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะยังคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจและทิศทางการเงินการลงทุน ธีมที่ 3 เศรษฐกิจจีนยังมีความไม่แน่นอน แม้ทางการจีนมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม แต่ยังมีปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ
สวัสดีปีใหม่ ท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ ในโอกาสก้าวสู่ปี 2568 นี้ ทาง SCB CIO ได้รวบรวม 3 ธีมเด่นที่เป็นประเด็นหลัก และ 3 ความเสี่ยงที่เป็นประเด็นควรระวัง รวมทั้งมุมมองการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ มาให้ทุกท่านก่อนที่จะเริ่มต้นการลงทุนในปีนี้กัน ดังต่อไปนี้ค่ะ
3 ธีมเด่น ที่เป็นประเด็นหลักที่มีผลต่อการลงทุนในปี 2568 มีดังต่อไปนี้
ธีมที่ 1: ภายใต้นโยบายของ Trump 2.0 จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์โลก ทั้งในด้านการค้า ด้านภูมิรัฐศาสตร์ และด้านสภาพภูมิอากาศ โดยนโยบายของ Trump มีเป้าหมายชัดเจนในการปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านแนวคิด “America First” ดังนั้น จึงมีแนวโน้มดำเนินนโยบายด้านต่างๆ ได้แก่ นโยบายกีดกันทางการค้า โดยเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ ในอัตรา 10-20% เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีน ในอัตราอย่างน้อย 60%
รวมทั้งส่งเสริมการย้ายฐานการผลิตกลับเข้าสหรัฐฯ เพื่อสร้างงานและลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้การค้าโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง ในส่วนของ นโยบายต่างประเทศ การที่ Trump พยายามผลักดันการยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน กดดันให้สมาชิก NATO เพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศ ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านต่อไป รวมทั้ง เพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีสำคัญ
เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และจำกัดการเข้าถึงของบริษัทจีนในตลาดสหรัฐฯ จะทำให้ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ นโยบายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ของ Trump เช่น ถอนตัวออกจากข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยลดข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ รวมทั้ง ลดเงินสนับสนุนพลังงานสะอาด จะนำไปสู่การให้ความสำคัญกับสภาพภูมิอากาศที่ลดลง
ธีมที่ 2: กระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะยังคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจและทิศทางการเงินการลงทุน AI กำลังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI เช่น ศูนย์ข้อมูล ระบบประมวลผล และแหล่งพลังงานที่สนับสนุน AI จะมีความสำคัญอย่างมาก โดยการลงทุนใน AI ไม่เพียงแต่จะสร้างโอกาสสำหรับบริษัทเทคโนโลยี แต่ยังครอบคลุมถึงโครงสร้างพื้นฐาน และการใช้งานในระดับอุตสาหกรรม
ธีมที่ 3: เศรษฐกิจจีนยังมีความไม่แน่นอน แม้ทางการจีนมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม แต่ยังมีปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ เราคาดว่า ในปี 2568 จีนยังเผชิญความท้าทายจากทั้ง ปัจจัยภายในประเทศ ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา เงินเฟ้อยังต่ำ และระดับหนี้ท้องถิ่นยังเป็นปัญหา และ ปัจจัยภายนอกประเทศ ที่เกิดจากความพยายามของประเทศต่างๆ ในการลดการพึ่งพาจีนในห่วงโซ่อุปทานโลก และการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ต่อจีน ดังนั้น ผู้กำหนดนโยบายของจีน จึงจำเป็นต้องดำเนินนโยบายกระตุ้นที่มากเพียงพอ และทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะหากสงครามการค้าเริ่มมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
3 ประเด็นความเสี่ยง ที่มีผลต่อการลงทุน ในปี 2568 มีดังต่อไปนี้
ความเสี่ยงที่ 1: ความไม่แน่นอนด้านนโยบายของ Trump นําไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าคาด เราคาดว่า ในปี 2568 Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยทั้งหมด 2 ครั้ง (ครั้งละ 25 bps) อยู่ที่ 3.75-4.0% ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าและการกีดกันผู้อพยพของ Trump ที่จะเพิ่มแรงกดดันด้านบวกต่อเงินเฟ้อ และ ด้านลบต่อ GDP ของสหรัฐฯ
ความเสี่ยงที่ 2: เงินดอลลาร์ สรอ.ที่มีแนวโน้มแข็งค่า จะกดดันความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) สกุลเงินดอลลาร์ สรอ.มีแนวโน้มแข็งค่าตามเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังเติบโตดี และจากการดำเนินนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ท่ามกลางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจของกลุ่ม EM ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และทำให้ธนาคารกลางใน EM จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การลดดอกเบี้ยอาจทำได้จำกัด เพราะจะยิ่งทำให้ค่าเงินของ EM อ่อนค่ามากขึ้น จนเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ และเงินทุนไหลออก
ความเสี่ยงที่ 3: ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์จะยังคงดำเนินต่อไป ในปี 2568 ยังมีความกังวลต่อประเด็นด้านสงครามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การตอบโต้ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน-NATO สงครามในตะวันออกกลาง และ ข้อพิพาทระหว่างจีน-ไต้หวัน เป็นต้น
จากธีม และความเสี่ยงข้างต้น SCB CIO จึงสรุปมุมมองและคำแนะนำการลงทุน ในปี 2568 เป็นดังนี้
การลงทุนในตราสารหนี้ คาดว่า ในปี 2568 UST Yield Curve มีแนวโน้มปรับเพิ่มความชันมากขึ้น แม้ว่า Fed ยังคงลดดอกเบี้ยต่อ แต่นโยบายของ Trump อาจจำกัดการปรับลดลงของ Bond Yield ตัวสั้น ขณะที่ Bond Yield ตัวยาว มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้น และเงินเฟ้อที่ยังหนืด ทั้งนี้ แนะนำลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ IG ของสหรัฐฯ ตัวสั้น (อายุ 2-4 ปี) เนื่องจาก ตราสารหนี้สหรัฐฯ ตัวสั้น ให้ Yield ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และใกล้เคียงกับตัวยาว ขณะที่ ความเสี่ยงบน Duration มีน้อยกว่าตัวยาว
การลงทุนในตลาดหุ้น SCB CIO แนะนำลงทุนบนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจาก ตลาดฯ มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนเหนือตลาดหุ้นโลก จากการเป็นผู้นำด้าน AI ของสหรัฐฯ จากแนวโน้มนโยบายลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบของ Trump และ จากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed ที่จะช่วยสนับสนุนผลกําไรของบริษัทจดทะเบียนให้ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่า ราคาหุ้นจะสูงขึ้นมากแล้วก็ตาม โดยคาดว่า EPS ของดัชนี S&P500 ในปี 2568 จะขยายตัวดีขึ้น และเป็นวงกว้างมากขึ้น ทั้งนี้ เรายังแนะนำ หุ้นกลุ่ม Quality Growth ที่ EPS มีแนวโน้มขยายตัวดี สอดรับกับธีม AI เช่น กลุ่ม Software ผสมผสานกับ หุ้นกลุ่ม Defensive เช่น กลุ่ม Utilities ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากสงครามการค้า
ในส่วนของตลาดหุ้น EM เรายังเน้นลงทุนในพอร์ตระยะยาว บนตลาดหุ้นอินเดีย ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ น้อยกว่า EM อื่นๆ และ โครงสร้างเศรษฐกิจยังเติบโตดีในระยะยาว ตลาดหุ้นจีน A-Shares ที่ได้อานิสงส์โดยตรงจากนโยบายกระตุ้นของทางการจีน และมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกต่ำ รวมทั้ง ตลาดหุ้นไทย ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ EPS มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ท่ามกลาง Valuation ที่ยังน่าสนใจ
นอกจากนี้ ยังแนะนำลงทุนใน REITs / สินทรัพย์ผสม ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนในรูปกระแสเงินสด และช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุน รวมทั้ง แนะนำลงทุน ทองคำ เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ให้กับพอร์ตลงทุน