“สิบ” ประเด็นสำคัญที่ต้องรู้ให้ทันก่อนดู Donald Trump Season 2

“สิบ” ประเด็นสำคัญที่ต้องรู้ให้ทันก่อนดู Donald Trump Season 2

การกลับมาของ Trump จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจหลายเรื่อง แต่ละเรื่องมีโอกาสเกิดขึ้นและผลกระทบที่ตลาดคาดหวังไม่เท่ากัน สำหรับผม Trump Season แรก ตื่นเต้น จับทางยาก ขณะที่ผลกระทบกับตลาดก็อาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด สิบประเด็นข้างต้นปูทางให้แล้วว่า Trump Season สองจะดำเนินเรื่องในทิศทางไหน แต่จะเซอร์ไพรซ์หรือไม่ อย่างไร เราจะได้รู้พร้อมกันในอีก 4 ปีข้างหน้านี้

การเลือกตั้งใหญ่ในสหรัฐจบลงแล้วและเป็น Donald Trump ที่กลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งพร้อมกับพรรค Republican ที่ครองเสียงข้างมากในสภา Congress

ทิศทางของนโยบายสหรัฐกำลังจะเปลี่ยนแปลง ผมจึงชวนวิเคราะห์ 10 ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุด และประเมินความน่าจะเป็นของแต่ละเหตุการณ์ ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ให้นักลงทุนไทยได้คิดและเตรียมกลยุทธ์รับมือไว้ก่อน

(1) ต่ออายุนโยบายลดภาษี Tax Cut and Jobs Act (TCJA)

กฎหมาย TCJA ผ่านสภาในสมัยแรกของ Trump โดยเป็นมาตรการที่ช่วยลดภาษีให้กับทั้งบุคคลและธุรกิจขนาดใหญ่จะหมดอายุลงในปี 2025 ด้วยผลของ “Red Sweep” โอกาสที่นโยบายนี้จะได้รับการต่ออายุจึงสูงมาก อย่างไรก็ตาม ผมมองว่านี่ไม่ใช่ข่าวบวกกับเศรษฐกิจหรือตลาดทุนสหรัฐ เพราะเป็นการกระตุ้นในรูปแบบเดิมที่จะไม่สร้างผลลัพธ์ใหม่ ขณะที่ผลของนโยบายนี้ในอดีตก็ชัดว่าแค่ทำให้สหรัฐขาดดุลการคลังมากกว่าเดิม

(2) ยกเลิก Inflation Reduction Act (IRA)

IRA ของ Biden เน้นใช้งบประมาณในโครงการพลังงานสะอาด ขัดกับแนวคิดของ Trump ที่เชื่อว่าการใช้พลังงานฟอสซิลเหมาะกับสหรัฐมากกว่าทั้งในเรื่องการจ้างงานและต้นทุนพลังงาน ดังนั้นการแก้ไขหรือยกเลิก IRA จึงมีความเป็นไปได้สูง 

ผมมองประเด็นนี้เป็นบวก เพราะช่วยลดทั้งงบประมาณภาครัฐ และลดแรงกดดันด้านต้นทุนโครงสร้างพลังงานในสหรัฐลง

(3) สนับสนุนให้บริษัทสหรัฐผลิตน้ำมันดิบเพิ่ม

เป็นอีกหนึ่งแนวนโยบายที่กลับทิศกับโลก Trump สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซภายในประเทศเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน แลกกับการเสียโอกาสพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว อย่างไรก็ดี ถ้านโยบายนี้เริ่มต้นเร็วและหาจุดสมดุลใหม่ได้เร็ว คาดว่าจะกดดันราคาน้ำมันลงและหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าจากการลดการขาดดุลการค้าได้ด้วย 

(4) การควบคุมผู้อพยพ

นโยบายด้าน Immigration เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Trump ชนะเลือกตั้ง โอกาสที่จะเห็นการสร้างกำแพงชายแดนกับเม็กซิโกหรือเข้มงวดเรื่องผู้ขอลี้ภัยจึงมีสูงมากในระยะสั้น ความเข้มงวดนี้จะเพิ่มความเสี่ยงการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมเกษตร ก่อสร้าง และการผลิต และในระยะยาวอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐปรับตัวลงช้า อย่างไรก็ดี ผมมองว่านโยบายนี้เน้นไปที่ผลทางการเมืองเป็นหลัก คล้ายกับการสร้างกำแพงใน Trump สมัยแรก ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและตลาดการเงินมากนัก 

(5) เงินเฟ้อสหรัฐอาจทรงตัวในกรอบ 2.5-3.5% 

ในช่วงที่ Trump ดำรงตำแหน่งรอบก่อน เงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำเพียง 1.8% แต่ปัจจุบัน Trump ต้องเริ่มต้นด้วยเงินเฟ้อที่สูงกว่า 2.5% นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างข้างต้น มีแนวโน้มทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดทุนสหรัฐ ผมเชื่อว่าเงินเฟ้อจะหนุนให้ยีลด์ระยะยาวปรับตัวลงยาก แต่สำหรับหุ้นเงินเฟ้อที่ไม่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเป็นระดับที่ไม่อันตราย และมักเป็นบวกมากกว่าลบ

(6) การนำภาคอุตสาหกรรมกลับมาสู่สหรัฐ และ (7) การตั้งกำแพงภาษีการค้า 

Trump ต้องการดึงภาคอุตสาหกรรมกลับสู่สหรัฐเพื่อเพิ่มการจ้างงาน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็กและยานยนต์ อาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ผมมองว่านโยบายนี้มีโอกาสเกิดขึ้นต่ำ เพราะการกดดันบริษัทด้วยภาษีไม่น่าจะเพียงพอให้บริษัทอเมริกันกลับมาลงทุนในประเทศ ขณะที่การว่างงานที่ต่ำในปัจจุบันก็ทำให้นโยบายนี้ไม่เร่งด่วน

ด้านการค้า แม้ Trade War กับจีนเป็นประเด็นที่ตลาดสนใจมาก แต่ในอดีต Trump เคยเลือกที่จะแก้ปัญหากับกลุ่มประเทศในภูมิภาคก่อน เช่น ถอนตัวจาก TPP หรือแก้ไข NAFTA เป็น USMCA การข่มขู่ถอนตัวจาก WTO อาจเป็นสิ่งที่ต้องระวังมากกว่า

(8) นโยบายความมั่นคงแบบ Master Dealmaker 

มีโอกาสสูงที่ Trump จะกดดันพันธมิตร NATO หรือสนับสนุนให้มีการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน หรือกดดันอิสราเอลให้หาทางสงบศึกกับฮามาส หรือพิจารณาประเด็นความมั่นคงกับไต้หวัน อย่างไรก็ดี ผมคาดว่าความสำเร็จของการเจรจาอาจต่ำกว่าที่ Trump คาดหวัง เนื่องจากทั้งหมดเป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน

(9) คลายกฎ Crypto 

คาดว่า Trump จะสนับสนุนการแก้กฎหมายเพื่อเปิดรับการพัฒนาและใช้ Crypto Currencies ในสหรัฐ โดยหวังผลกระตุ้นภาคเทคโนโลยีและการเงิน อย่างไรก็ดี ผมมองว่าโอกาสที่นโยบายนี้จะสำเร็จอาจไม่สูง เนื่องจากความสำคัญทางการเมืองต่ำมากเมื่อเทียบกับนโยบายอื่น

(10) สำคัญที่สุดสำหรับตลาดการเงินคือ Fed 

Trump แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับ Fed โดยเฉพาะในช่วงดอกเบี้ยสูง แน่นอนว่าต้องมีข่าวการเปลี่ยนตัวประธาน Fed ในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ผมมองว่า Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจอยู่แล้ว จึงเป็นไปได้สูงที่ Jerome Powell จะอยู่ในตำแหน่งจนจบเทอมกลางปี 2026

โดยสรุป การกลับมาของ Trump จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจหลายเรื่อง แต่ละเรื่องมีโอกาสเกิดขึ้นและผลกระทบที่ตลาดคาดหวังไม่เท่ากัน 

สำหรับผม Trump Season แรก ตื่นเต้น จับทางยาก ขณะที่ผลกระทบกับตลาดก็อาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด สิบประเด็นข้างต้นปูทางให้แล้วว่า Trump Season สองจะดำเนินเรื่องในทิศทางไหน แต่จะเซอร์ไพรซ์หรือไม่ อย่างไร เราจะได้รู้พร้อมกันในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ครับ