“อาชีพใหม่ กำลังมา”
ถึงวันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพใด ก็มีโอกาสได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีด้วยกันแทบทั้งนั้น
ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยี AIพัฒนามาได้ไกล และรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึงแบบนี้อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมพยายามแต่งเพลงให้สถาบันฝึกอบรมผู้บริหาร อย่างสถาบัน วตท.บยส. และ แต่งให้กระทรวงการคลัง โดยที่ผมไม่มีความรู้ทางดนตรีเลยแม้แต่น้อย ผมจึงต้องใช้ความพยายามในการหาความรู้ ความอดทน และ จินตนาการ เป็นหลักเท่านั้น
แต่ปัจจุบันมีแอปแต่งเพลงให้เลือกใช้หลายแอปแบบว่าใครๆก็แต่งเพลงได้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเปิดแอปแล้ว AI ก็ถามผมว่า จะให้แต่งเพลงแบบไหน ต้องการให้เนื้อหาเป็นอย่างไรต้องการเน้นเสียงอุปกรณ์ดนตรีชนิดใดเป็นพิเศษหรือไม่ เช่นเสียงกลองหรือเสียงกีตาร์ และต้องการลีลาดนตรีแบบไหน จะให้แต่งเนื้อร้องให้ด้วยหรือไม่ ต้องการนักร้องหญิงหรือชาย ฯลฯ
พอผมบอกความต้องการไป เจ้า AI ก็ทำทุกอย่างออกมาเป็นเพลง ผมได้ทั้งเนื้อร้อง ทำนอง และเสียงนักร้อง ชายและหญิง ในเวลาเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น และยังมีเพลงให้เลือก 2 เวอร์ชั่นเสียด้วยถ้าหากยังไม่ชอบก็สั่งให้ทำใหม่อีกหลายๆครั้งได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย
แน่นอนว่า ผมไม่ถูกใจเพลงที่ผลิตออกมาทั้งหมดหรอกครับ จึงทดลองออกคำสั่งใหม่ เปลี่ยนความต้องการไปเรื่อยๆ ซึ่งเจ้า AI ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้ ตามที่ต้องการทุกครั้งไป
ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ หลายคนคงเห็นคลิปสี จิ้นผิง พูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอเมริกัน 100% ในขณะที่โจไบเดนก็พูดภาษาจีนได้อย่างสมบูรณ์แบบ 100% เช่นกัน เรารู้ว่านั่นคือผลงานของ AI
สัปดาห์ที่ผ่านมา เราเห็น อดีตนายกฯทักษิณ และ อดีตรองนายกฯประวิตรร้องเพลงในคลิปเดียวกันเราก็รู้ว่านั่นคือผลงานของ AI เพราะใครๆก็ทราบดีว่าในความเป็นจริงนั้นทั้งสองคนกำลังฮึ่มๆกันอยู่และคอการเมืองกำลังลุ้น ติดตามศึกใหญ่นี้ในตอนต่อไป
เมื่อ AI ทำได้ทั้งรูปลักษณ์และเสียงของคน รวมทั้งลีลาการเคลื่อนไหวของร่างกาย ริมฝีปาก ฯลฯ แนบเนียนขนาดนี้ เป็นไปได้ไหมครับว่าเย็นนี้เมื่อกลับถึงบ้านคุณอาจจะต้องแอบถามลึกๆในใจว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าคุณนั้นเป็นภรรยาตัวจริงของคุณหรือเปล่าหรือว่าเป็น AIแล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไร?
ในขณะที่ AI ทำให้อาชีพบางอาชีพต้องหมดไป แต่เทคโนโลยีก็ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิด “อาชีพใหม่” ซึ่งวันนี้เรายังไม่รู้จักกันเลย
ศาสตราจารย์ Dr. Catherine Ball แห่ง ANU School of Cybernetics เพิ่งพยากรณ์ว่าจะมีอาชีพใหม่อย่างน้อย 6 อาชีพ เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งถ้าพูดชื่ออาชีพเหล่านั้นแล้ว ผมจะไม่ประหลาดใจเลย ถ้าหากคุณไม่รู้ว่า มันคืออาชีพอะไรกันแน่…. เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน 555
อาชีพที่ยังไม่มีวันนี้ แต่จะมีในอนาคตก็คือ creative technologist, data ecologist, algorithm lawyer, human verification nurse, journalism-truther และ doppelgänger curator ถ้าหากคุณไม่งง ก็ถือว่าเก่งมากครับ
ผมพยายามแปลชื่ออาชีพเหล่านี้ ออกมาเป็นไทยได้ว่านักเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ นักนิเวศวิทยาข้อมูล ทนายความอัลกอริทึม พยาบาลตรวจสอบความเป็นมนุษย์ นักข่าวพิสูจน์ข้อเท็จจริง และนักคัดกรองความเหมือน
แม้จะแปลแล้ว ก็ยังฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ใช่ไหมครับ
Dr. Ball อธิบายว่า “พยาบาลตรวจสอบความเป็นมนุษย์” ก็คือบุคคลที่ได้รับการฝึกฝน ให้สามารถระบุตัวตนของมนุษย์จริงๆ แยกออกจากมนุษย์ที่สร้างขึ้นโดยเอไอ ได้
อ๋อ ถ้าแบบนี้ก็พอเข้าใจได้ละครับ เป็นคนที่มีอาชีพช่วยตอบโจทย์ตอนที่คุณกลับบ้านเย็นนี้ว่า สาวสวยที่ยืนอยู่ข้างหน้าคุณนั้น เป็นภรรยาตัวจริงของคุณ หรือ AI กันแน่
แต่ทำไมจึงเรียกคนอาชีพนี้ว่าเป็น “พยาบาล” ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน
ส่วน“นักกฎหมายอัลกอริทึม”นั้น เมื่ออธิบายแล้วก็พอเข้าใจได้ คือหมายถึงนักกฎหมายที่ได้รับการฝึกฝนให้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเอไอ จนสามารถนำไปปฎิบัติในวิชาชีพกฎหมายได้เป็นต้น
ข่าวไม่ได้ระบุว่า “นักคัดกรองความเหมือน” (doppelgänger curator) หมายถึงอาชีพอะไร
ผมก็เลยต้องค้นคว้าเพิ่มเติม ทำให้ทราบว่า คนบางคน ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันในทางสายเลือดเลย แต่กลับมีลักษณะหน้าตาที่เหมือนกันมาก หรือแม้กระทั่งสัตว์ หรือ สิ่งของบางอย่าง ก็มีลักษณะคล้ายกันมากๆได้
คนอาชีพใหม่ที่เรียกว่า “นักคัดกรองความเหมือน” ก็คือผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาคัดกรองและวิเคราะห์ความเหมือนนี้แหละครับซึ่งผมฟังแล้วคิดว่าโลกนี้มันซับซ้อน และมีสาขาวิชาที่ถูกพัฒนาละเอียดยิบมากขึ้นเรื่อยจริงๆ
เอาเป็นว่าเทคโนโลยี ทำให้หลากหลายอาชีพในอดีต ถูกดิสรัปไปแล้วและอีกหลายอาชีพก็กำลังพยายามปรับตัวเพื่อไม่ให้ถูกดิสรัป ในขณะที่อาชีพใหม่ๆซึ่งมีชื่อแปลกๆ เหล่านี้ ก็กำลังจะเกิดขึ้น
แต่อาชีพหนึ่ง ที่ดูเหมือนไม่เคยถูกดิสรัปด้วยเทคโนโลยีเลย เมื่อถูกดิสรัปทีไร ก็โดยประชาชนหรือไม่ก็โดยปืนกลและรถถัง เท่านั้น นั่นคืออาชีพนักการเมือง
ที่น่าทึ่งก็คือ ไม่ว่าจะถูกดิสรัปครั้งใด ก็กลับมาแข็งแกร่งได้เหมือนเดิมทุกทีอย่างนี้ศัพท์ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ เราเรียกกันว่า “Resilience” ครับและเป็นคุณสมบัติที่ใครๆ หรือองค์กรใดๆก็อยากได้
คำนี้แปลตรงตัวยากหน่อย ต้องแปลยาวๆว่า“ความสามารถในการฟื้นตัว เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบากหรือท้าทาย ก็สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้อย่างรวดเร็ว”
ถูกต้องเลยใช่ไหมครับว่า นักการเมืองของเรานั้น Resilience สูงมาก สามารถฟื้นตัวได้เสมอ และฟื้นกลับมาเหมือนเดิมหรือแกร่งกว่าเดิม ได้ทุกครั้งไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไป 5 ปี 10 ปี…. หรือ 17 ปี ก็ตาม
น่าสนใจนะครับ ว่าในเมื่อเทคโนโลยีก็ทำอะไรไม่ได้ ประชาชนก็ทำอะไรไม่ได้ ปืนกลปืนใหญ่ก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วจะมีปัจจัยใดไหม ที่สามารถดิสรัป นักการเมืองไทยให้ปรับตัวปรับใจ….
จนกลายเป็นสายพันธ์ใหม่ ที่สร้างความชื่นใจให้ประชาชนได้ อย่างจริงจังเสียที