“น้ำจะท่วมม้า ปลาจะกินคน”

“น้ำจะท่วมม้า ปลาจะกินคน”

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่งานวิจัยของ “ศาสตราจารย์  เจสัน บ๊อกซ์” แห่งสถาบันสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติ ของเดนมาร์ค และกรีนแลนด์ 

สรุปผลออกมาน่าวิตกมาก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เด็กที่เกิดวันนี้ จะต้องเผชิญกับสภาพที่น่ากลัว และผู้ใหญ่อย่างเรา ก็ไม่มีทางที่จะปกป้องเด็กๆได้เสียด้วย เพราะทีมวิจัยบอกว่า “มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ”

โบราณกล่าวถึง “วันสิ้นโลก” ว่า “น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว” แต่ไม่ต้องรอจนถึงวันนั้น เด็กที่เกิดวันนี้ อาจจะต้องได้พบกับ สภาพน้ำท่วมที่น่ากลัวมาก 

เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา วารสาร “Geophysical Research Letters” ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยของ ศ. เจสัน บ๊อกซ์ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศส และสวิสเซอร์แลนด์ 

สรุปได้ว่า ภายในสิ้นศตวรรษนี้ หรือเกือบ 80 ปีข้างหน้า ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉลี่ย 27 เซนติเมตร หรือเกือบ 1 ฟุต เลยทีเดียว

นี่เป็นระดับ “เฉลี่ย” นะครับ ดังนั้น บางแห่งของโลก น้ำทะเลจะสูงขึ้นกว่านี้อีกมาก

ที่ต้องกังวลก็คือ ศาสตราจารย์ เจสัน บ๊อกซ์ และทีมงาน กล่าวว่า  ตัวเลข  27  เซนติเมตร นี้ เป็นเพียงตัวเลขที่ประเมินอย่าง “ต่ำที่สุดแล้ว” แต่ในความเป็นจริง จะได้เห็นตัวเลขที่มากกว่านี้ถึง 2 เท่า ภายในสิ้นศตวรรษนี้”

เราทราบกันดีว่าโลกร้อน ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และน้ำทะเลเพิ่มปริมาณขึ้นมหาศาล ดังนั้นเราจึงพยายามแก้ไขปัญหาโลกร้อนมาตลอด โดยหวังว่ามันจะได้ผล

แต่วันนี้ เราได้ฟังงานวิจัยล่าสุดว่า มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่จะเลวร้ายกว่านั้นมาก

ที่ขั้วโลกเหนือ มี “เกาะกรีนแลนด์” ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเดนมาร์ค เป็นเกาะที่ปกคลุมไปด้วย แผ่นน้ำแข็งประมาณ 2 ล้านตารางกิโลเมตร หรือ 85% ของเกาะ

น้ำแข็งปริมาณมากมายขนาดนั้น เวลาละลายเพราะโลกร้อน ก็จะเพิ่มระดับน้ำทะเลของโลก ตรงนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก 

ทีมงานวิจัยกล่าวว่า แผ่นน้ำแข็งของกรีนแลนด์ จะละลายหายไป ประมาณ  3.3%  หรือ 110 ล้านล้านเมตริกตัน ซึ่งน้ำแข็งที่ละลายไหลลงมาในทะเลมากขนาดนี้ จะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นถึง 27 เซนติเมตร 

ตัวเลขนี้ มากกว่าตัวเลขจากงานวิจัยในอดีต ถึง 2 เท่า ซึ่งเมื่อถึงวันอย่างนั้นจริง แผ่นดินชายทะเล และที่ลึกเข้ามาอีกหลายกิโลเมตร คงจมหายไปเยอะมาก 

ผมเลยจินตนาการว่า “น้ำทะเลอาจสูงถึงท้องม้า และปลาบางชนิด อาจว่ายเข้ามากินคนได้บ้าง” ก็เป็นได้... น่าใช้จินตนาการนี้สร้างเป็นภาพยนตร์นะครับ 555

ที่สำคัญก็คือ ศ. เจสัน บ๊อกซ์ และทีมงาน สรุปไว้ว่า “มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” (Inevitable) และอาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าปี 2100 ด้วยซ้ำไป”

การวิจัยต่างๆในอดีต ผู้วิจัยใช้ “คอมพิวเตอร์โมเดล” แต่ครั้งนี้ เจสัน ใช้  “ดาวเทียม” วัดค่าการละลายของน้ำแข็ง และลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของ “ครอบน้ำแข็ง” (Ice Cap) ที่เกิดขึ้นจริง ในระหว่างปี 2000-2019 

รวมทั้งศึกษา ความสมดุล ระหว่าง หิมะที่ตกลงมาใหม่ กับ น้ำแข็งที่ละลายออกไป ด้วย ซึ่งในสภาพที่สมบูรณ์ หิมะที่ตกลงมาใหม่ จะสมดุลกับน้ำแข็งที่ละลายออกไป 

แต่วันนี้ไม่ใช่แล้วครับ น้ำแข็งมันละลายออกไป มากกว่าหิมะที่ตกลงมาใหม่เยอะ และถ้าหากสถิติการละลายของน้ำแข็ง ที่เกิดขึ้นอย่างมากเป็นประวัติการณ์ เมื่อปี 2012 ยังเกิดขึ้นบ่อยๆในอนาคต... “น้ำทะเลจะสูงขึ้น ถึง 78 เซนติเมตร”

ถึงตรงนั้น เด็กที่เกิดวันนี้ เดือดร้อนแน่

การพยากรณ์ไกลๆ และยาวๆ ย่อมมีโอกาสผิดพลาดได้ เมื่อทศวรรษ 1970s นักวิชาการมากมายจากทั่วโลก ที่เรียกกันว่า “Club of Rome” ก็วิตกกังวลกันมาก และพยากรณ์ว่า... 

“ภายในปี 2000 มนุษย์จะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง เพราะอาหารเพิ่มขึ้นในอัตราปกติ ในขณะที่จำนวนคน เพิ่มขึ้นในอัตราทวีคูณ”

แต่ผลไม่ได้ออกมาเป็นเช่นนั้น 

ดังนั้น วันนี้เราอาจจะต้องภาวนาให้ เจสัน บ๊อกซ์ พยากรณ์ผิด เพื่อลูกหลานของเราที่เกิดวันนี้ และจะมีอายุ 80 ปี เมื่อสิ้นศตวรรษ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนจากน้ำทะเลท่วมหนักขนาดนั้น

ส่วนตัวเราเอง คงไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะว่า ถึงวันนั้น พวกเราก็ไม่อยู่กันแล้วครับ แต่ถ้าจะให้สบายใจ ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ ซึ่งเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เราก็ควรภาวนา 2 เรื่อง

หนึ่ง ขอให้ เจสัน พยากรณ์ผิด สอง ถ้าเจสัน พยากรณ์ถูก ขอให้เราอย่าเพิ่งเกิดใหม่เร็วนัก

ขอเลื่อนการเกิดใหม่ออกไปก่อน ขอเลื่อนไปเกิดในศตวรรษหน้าเลยครับ เจ้าประคู้น...