แค้นพยัคฆ์ 'ป้อม' บอมบ์ 'ระบอบชินวัตร'

แค้นพยัคฆ์ 'ป้อม' บอมบ์ 'ระบอบชินวัตร'

ทหารแก่ไม่(ยอม)ตาย “พล.อ.ประวิตร” ปลุกไฟแค้นโหมไฟนิติสงคราม หยุด “ระบอบชินวัตร” เป่านกหวีดรวมพลคนแค้น “นายใหญ่” ที่บ้านป่ารอยต่อฯ

สงครามแค้นบูรพาพยัคฆ์ เขย่ารัฐบาลแพทองธาร เปิดแนวรบคู่ขนาน “เกมนิติสงคราม” และ “เกมท้องถนน” 

มิทันที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 จะนำ ครม.ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ก็เจอฝ่ายแค้นเปิดศึกนิติสงคราม เขย่าขวัญสั่นประสาท กูรูการเมืองหน้าจอจ้อทุกวัน แห่ฟันธง “6 เดือนไม่รอด”

ในวันที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถูกบีบให้เป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายแค้น อุณหภูมิการเมืองก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที

เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่อดีตนายทหารใหญ่ประเภทตะเกียงขาดไส้ เพราะยังมี สส.พลังประชารัฐ เหลืออยู่ในมือประมาณ 20 คน รวมถึงยังมีอิทธิฤทธิ์ในองค์กรอิสระ ที่ฝังกันมาตั้งแต่ยุค คสช.เรืองอำนาจ

บริบทการเมืองไทยช่วงเปลี่ยนผ่าน ภายหลังการปรากฏตัวของรัฐบาลแพทองธาร จึงบังเกิดความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอีกครั้ง

สถานการณ์มวลชน ที่เคยแยกขั้วเหลือง-แดง ขั้วเสรีนิยมก้าวหน้า ขั้วอนุรักษนิยม ก็มีการแปรเปลี่ยนไปตามจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคการเมือง

1.คนเสื้อแดง ตัวแทนของปีกประชาธิปไตย ก็แยกทางกันเดิน ระหว่าง “แดงทักษิณ” กับ “แดงอุดมการณ์” ซึ่งแปรเปลี่ยนเป็น “ส้ม” ไปเรียบร้อยแล้ว  

2.คนเสื้อเหลือง ตัวแทนกลุ่มอนุรักษนิยม แตกสลายกลายเป็นกลุ่มย่อยๆ ไร้ศูนย์รวมใจเหมือนสมัยที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นผู้นำ

3.มวลชนนกหวีด ตัวแทนกลุ่มอนุรักษนิยม ก็ไม่ต่างจากคนเสื้อเหลือง ส่วนใหญ่แปรสภาพเป็นเอฟซีลุงตู่ เมื่อ ปชป.เข้าร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ยิ่งทำให้มวลชนแตกกระสานซ่านเซ็น

สภาพการณ์มวลชนข้างต้นนี้ จึงทำให้ “นักเคลื่อนไหว” บางกลุ่มมุ่งหน้าสู่บ้านป่ารอยต่อฯ และขายฝันให้กับลุงป้อม โดยประเมินว่า ระบอบทักษิณ กำลังจะกลับมาอีกครั้ง แต่พลังอนุรักษ์กลับเคว้งคว้าง ไร้ที่พึ่ง ไร้ความหวัง

ลุงป้อม หรือ พล.อ.ประวิตร จึงเป็นผู้มีบารมีเพียงคนเดียว ที่จะเป็นเสาหลักให้มวลชนกลุ่มอนุรักษ์ได้

ฉะนั้น บ้านป่ารอยต่อฯ พ.ศ.นี้ ได้กลายเป็นศูนย์รวม “นักร้อง” มือฉมัง และ “นักเคลื่อนไหว” ตัวกลั่น ที่จะเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบทักษิณ ภาค 2

ซื้อใจซุ้มบ้านใหญ่

หลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แยกตัวออกไปพร้อม สส. 20 คน ทำให้ลุงป้อม เหลือ สส.อยู่ในมือ 20 คน ซึ่งตัวเลขนี้ มีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ

ด้วยเหตุนี้ จึงมีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร จะลาออก สส. และทำหน้าที่หัวหน้าพรรคอย่างเดียว นั่นหมายความว่า สันติ พร้อมพัฒน์ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่ออันดับ 2 จะเลื่อนขึ้นมาเป็น สส.

แค้นพยัคฆ์ \'ป้อม\' บอมบ์ \'ระบอบชินวัตร\'

นี่คือกลยุทธ์ซื้อใจบ้านใหญ่เมืองมะขามหวาน ที่มี สส. 6 คนอยู่ในซุ้ม เพราะหากลุงป้อมไม่ทำเช่นนี้ สส.เพชรบูรณ์อย่างน้อย 2 คน อาจแยกทางไปสังกัดซุ้มธรรมนัส

อย่าลืมว่า เจ้าของซุ้มมะขามหวานตัวจริงคือ “นายกด๊อยซ์” อัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ลูกชาย เอี่ยม ทองใจสด อดีต สส.เพชรบูรณ์ 8 สมัย

ส่วน สส.ในตระกูลเทียนทอง ,กลุ่มวราเทพ รัตนากร และกลุ่มชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ มีอยู่แค่ 5 คน 

มินับพวก สส.นกแล ที่มาจากภาคใต้และภาคอีสาน ซึ่งรอวันแยกทาง หากมีการยุบสภาฯ เพราะไม่มีใครอยากสังกัดพลังประชารัฐ ที่แบรนด์พรรคขายไม่ได้

ชุมทางมือนิติสงคราม

เกมเลือกตั้ง เป็นจุดอ่อนของพรรคพลังประชารัฐ เพราะขาดมือบริหารจัดการเลือกตั้งแบบ ร.อ.ธรรมนัส 

เลือกตั้งปี 2566 พล.อ.ประวิตร มอบให้อดีตนายทหารใกล้ชิด ไปคุมทัพในหลายจังหวัดทั้งภาคกลาง ภาคใต้ และภาคอีสาน ปรากฏว่า ใช้ทรัพยากรเยอะ แต่ไม่ได้ สส.ตามเป้าหมาย

จุดแข็งของลุงป้อมอยู่ที่ “ทีมนิติสงคราม” นำโดย ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต สว. และอดีตหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป 

แค้นพยัคฆ์ \'ป้อม\' บอมบ์ \'ระบอบชินวัตร\'

หลายคนอาจไม่ทราบว่า ก่อนที่ไพบูลย์ จะมาเล่นการเมือง เขาเคยไปเช่าที่ดินอยู่แถวแขวงจำปาสัก สปป.ลาว ปลูกมะเขือเทศ มันฝรั่ง และกาแฟ ในนามบริษัท ปากซองไฮแลนด์ จำกัด ที่เมืองปากซอง 

เมื่อเกิดวิกฤตฟองสบู่ปี 2540 ไพบูลย์จึงขายปากซองไฮแลนด์ ให้เจ้าสัวใหญ่ แล้วก็เบนเข็มเข้าสู่ถนนการเมือง จากการเข้าไปเป็นที่ปรึกษากฎหมาย คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา สมัยเป็นผู้ว่าการ สตง.

หลังรัฐประหาร 2549 ไพบูลย์ได้รับแต่งตั้งเป็น สว.ปี 2551 และอีกครั้งช่วงปี 2555 ด้วยบุคลิกกล้าพูดกล้าชน จึงเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันของกลุ่ม “40 สว” ยุคแรก

ชั่วโมงนี้ ไพบูลย์เป็นกุนซือสนิทข้างกายลุงป้อม และนับวันจะมีบทบาทกำหนดยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของค่ายบ้านป่ารอยต่อฯ 

รวมดาวขุนพลท้องถนน

“ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตประธาน นปช. เป็นคนที่ยืนยันว่า ลุงป้อมจะเป็นนายกฯ มาโดยตลอด แม้กระทั่งวันนี้ ตู่ จตุพรยังให้ราคาพยัคฆ์บูรพา ต่างจากกูรูการเมืองคนอื่นๆ 

แค้นพยัคฆ์ \'ป้อม\' บอมบ์ \'ระบอบชินวัตร\'

ช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา หน่วยข่าวความมั่นคงได้กลิ่นม็อบไล่รัฐบาลเศรษฐา โดยอาศัยจังหวะสุญญากาศทางการเมือง หลังเศรษฐาหลุดจากนายกฯ

บังเอิญ ทักษิณปิดเกมเร็ว จัดตั้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊งภายใน 3 วัน กลุ่มฝ่ายแค้น จึงชะลอการชุมนุมทางการเมืองออกไปก่อน และหันไปเปิดเกมเซราะกร่อนลูกสาวทักษิณ ผ่านแพล็ตฟอร์มโซเชียล

ด้านเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) และกองทัพธรรม ที่อยู่ในช่วงพักการชุมนุม แต่ไม่พักการเคลื่อนไหว ได้จัดกิจกรรม คปท.สัญจร โดยเริ่มที่นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

กิจกรรม คปท.สัญจร นำทีมโดย ทนายนกเขา-นิติธร ล้ำเหลือ ,พิชิต ไชยมงคล และหมอเขียว-ใจเพชร กล้าจน 

แค้นพยัคฆ์ \'ป้อม\' บอมบ์ \'ระบอบชินวัตร\'

ล่าสุด พิชิต ไชยมงคล ได้นัดหมายมวลชน คปท. และกองทัพธรรม ในวันเสาร์ที่ 7 ก.ย.2567 ร่วมกิจกรรมเปิดโปงระบอบชินวัตร #1 ที่ลานกิจกรรมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว

แค้นพยัคฆ์ \'ป้อม\' บอมบ์ \'ระบอบชินวัตร\'

นัยว่าเป็นรายการอุ่นเครื่อง ก่อนหวนกลับมาชุมนุมใหญ่อีกครั้ง ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ จะเป็นการเปิดแนวรบคู่ขนานระหว่าง “เกมนิติสงคราม” และ “เกมมวลชนบนท้องถนน”

เมื่อถึงวันนั้น คนไทยอาจได้เห็นภาพ “จตุพร-ทนายนกเขา” ออกนำทัพมวลชนขับไล่ระบอบชินวัตร ภายใต้ร่มเงาหัวหน้าฝ่ายแค้น เสาหลักของกลุ่มอนุรักษ์