ประเทศไทยเป็นเมืองตลก
ประเทศของเรามีเรื่องลักลั่น แปลกประหลาด ไร้เหตุผลมากมาย แต่เรากลับยังอยู่กันได้สบายๆ แค่ด่าทอกันเป็นพักๆ หรือตำหนิติเตียนกันรายวัน จากนั้นทุกอย่างก็วนกลับไปเหมือนเดิม
ประเทศของเรามีเรื่องลักลั่น แปลกประหลาด ไร้เหตุผลมากมาย แต่เรากลับยังอยู่กันได้สบายๆ แค่ด่าทอกันเป็นพักๆ หรือตำหนิติเตียนกันรายวัน จากนั้นทุกอย่างก็วนกลับไปเหมือนเดิม
ฉะนั้นถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ “เรื่องตลก” หรือเรื่องที่หาสาระอะไรไม่ได้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะอยู่กันมาได้แบบนี้
นี่คือต้นเหตุของพาดหัวบทความนี้ “ประเทศไทยเป็นเมืองตลก”
เริ่มจากเรื่องที่เป็นข่าวใหญ่ในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ก่อน...
ช่วงนี้ นายกฯแพทองธาร ไปเยือนมาเลเซีย ท่านต้องบินข้ามภาคใต้ และจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไปยังจุดหมาย...ดินแดนเสือเหลือง
แต่ท่านไม่ยอมไปใต้ ไม่แวะเยี่ยมพี่น้องชายแดนใต้ที่เพิ่งประสบอุทกภัยใหญ่ น้ำยังไม่ทันลดดี ช่วงนี้กำลังเจอมรสุมหนักอีกระลอก
ช่วงที่น้ำท่วมชุมพร วันเสาร์ที่ 14 ธ.ค. ท่านอยู่หัวหิน ร่วมสัมนากับพรรคเพื่อไทย หัวหินอยู่ประจวบคีรีขันธ์ เลยไปอีกไม่ไกล ไม่นานก็ถึงชุมพรแล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้ไป
ไม่ได้ว่าอะไรนะ..แค่แปลกดี
เมื่อนายกฯไม่ไปใต้ ก็เหมือนปัญหาชายแดนใต้ถูกละเลย ก็น้ำท่วมใหญ่ยังไม่ไปเยี่ยมเลย แล้วเรื่องพูดคุยสันติสุขดับไฟใต้จะคืบหน้าได้อย่างไร
เมื่อวันเสาร์ ขบวนการบีอาร์เอ็นออกแถลงการณ์ตำหนินายกฯไทย แถมขู่รัฐบาลไทย ถ้ายังไม่สนใจหรือละเลยการพูดคุย อาจเจอการต่อต้านรุนแรงจน “เอาไม่อยู่”
ประเทศไทยเราเดินมาถึงขั้นขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักในโลกนี้ ข่มขู่รัฐบาลกันอย่างโจ๋งครึ่มได้แล้วหรือ?
พูดถึงปัญหาชายแดนใต้ ขอย้อนไปไกลอีกนิด คดีตากใบขาดอายุความมาแล้วเดือนกว่าๆ ตอนนี้หายบ้ากันหมดแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะเป็นจะตายกันรายวัน
ปัจจุบันทุกอย่างเงียบหาย ทหารที่โดนหมายจับ แล้วหายตัวไปจากหน่วย กลับมาทำงานหรือยัง ปลัดอำเภอท่าอุเทนที่หนีข้ามฝั่งไปลาวจนคดีขาดอายุความ โดนสอบสวนอะไรบ้าง หรือว่าได้โบนัส ได้สองขั้นหรือเปล่า
พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.เพื่อไทย รักษาอาการป่วยหายหรือยัง สมัยหน้าจะลงสมัคร สส.กับพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ หรือต้องได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมกันไปเลย
ผ่านไปแค่เดือนกว่าๆ คดีตากใบเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น เหมือนคดีไม่ได้ขาดอายุความ ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ
พูดถึงเรื่องที่ออกมาให้ข่าวกันแบบจะเป็นจะตาย กระเหี้ยนกระหือรือ... เมื่อสัปดาห์ก่อน กรณีภูนับดาว ขู่จะเป็นหนังเรื่องยาว เล่นงาน “หวานใจบิ๊กการเมือง” ตอนนี้ลืมหมดแล้ว
บทสรุปคือหยุดตรวจสอบไว้ก่อน หลังจากพรรคพลังประชารัฐยอมขับ 20 สส.กลุ่มผู้กอง เพื่อเปิดทางให้ไปสมัครพรรคใหม่ ชื่อ “กล้าธรรม” ซึ่งมีรัฐมนตรีเกษตรฯ สังกัดพรรคนี้ทั้งกระทรวง
รัฐมนตรีเกษตรฯก็มีอำนาจตรวจสอบข้อกล่าวหารุกที่ สปก.ของภูนับดาว สระบุรี แต่พอได้ข่าวดี ถูกขับออกจากพรรค ทุกอย่างก็พักไว้ก่อนได้
แบบนี้ชาวบ้านเขาคิดกันต่อได้หรือไม่ว่า ข้อกล่าวหาเรื่องโอนเงินกันเป็นความจริง แต่ไม่ได้จะดำเนินคดีกันจริงๆ แค่หยิบมาใช้ต่อรองทางการเมือง พอได้ประโยชน์ทางการเมือง ก็เจ๊าๆ กันไป ต่างคนต่างไป ทุกอย่างจบ
แล้วตำรวจใหญ่ที่ออกมาขู่วันละ 3 เวลา อ้างว่าเห็นเส้นเงินเป็นพันล้าน ท่านจะว่าอย่างไร
แปลกไหม ตำรวจไทยบางคน ทำตัวไม่ต่างอะไรกับ “ทนายเซเลบ” ที่โดนจับ คือให้ข่าวตีกิน ตีหัวเข้าบ้าน ส่วนเรื่องคดีความกลับไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เอาแต่สร้างข่าวชี้นำ สุดท้ายก็จบที่การต่อรองทางการเมือง หรือผลประโยชน์
สิ่งที่ประชาชนเขาอยากเห็น คือการทำงานแบบมืออาชีพ ท่านมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ก็ไปทำให้เรียบร้อย สมบูรณ์ จากนั้นก็ขอศาลออกหมายจับ จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นหวานใจอดีตรัฐมนตรีชื่อย่ออะไร ก็ไปจับมาเสีย จับแล้วก็มาแถลงเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนที่บ้านอื่นเมืองอื่นเขาทำกัน ไม่ใช่ออกมาให้ข่าวรายวัน สร้างประเด็นหาแสง
คนที่ถูกกล่าวหาก็เสียหายทุกวัน พาดพิงไปถึงใครก็ต้องออกมาแก้ตัวกันพัลวัน สุดท้ายก็เป็นตราบาป เพราะไม่มีการเอาผิดทางกฎหมาย กลายเป็น “ชนักติดหลัง” ยาวไป พอมีประเด็นต่อรองทางการเมืองก็หยิบมาโจมตีกันใหม่ ก็เล่นกันแบบนี้
ตำรวจบางคนเคยโดนคดีอุ้มฆ่า ต้องไปขึ้นศาล พอหลุดคดีมาได้ ก็เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม แจ้งสื่อทั้งขู่ทั้งปลอบให้ลบข่าว จะได้ไม่มีประวัติ แต่พอจะป้ายสีใส่ร้ายให้คนอื่นประวัติแปดเปื้อน กลับทำเต็มที่ ไม่คิดถึงตอนที่ตัวเองโดนคดีบ้างเลย
ข่าวใหญ่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ยิงกันตายในบ้านผู้มากบารมีของจังหวัดปราจีนบุรี ทั้งเหตุการณ์ที่เกิด มือปืนที่ก่อเหตุ อาวุธสงครามที่ใช้ และคลิปเสียงทะเลาะกันก่อนยิงกันตายที่หลุดออกมา ฯลฯ
ดูดีๆ ฟังกันให้ดีๆ นี่ไม่ใช่เหตุเกิดใน “ซ่องโจร” นะ อย่าเข้าใจผิด เพราะคนหนึ่งเป็นนายก อบจ. ผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่สุดและงบเยอะที่สุดในจังหวัด เป็นพ่อ สส. เป็นอดีตรัฐมนตรี ส่วนอีกคนเป็นสมาชิกสภา อบจ.ที่ต้องตรวจสอบผู้บริหารท้องถิ่นของจังหวัด
แต่ละคำที่พูดที่ได้ฟัง แต่ละการกระทำที่ได้เห็น มีแต่เรื่องผิดกฎหมาย ทั้งที่ร่วมกันทำ ร่วมกันแชร์ผลประโยชน์ รับผิดแทนกัน สั่งเป็นสั่งตายคนนั้นคนนี้ เป็นหัวจ่าย เป็นท่อน้ำเลี้ยง รวมไปถึงเรื่องที่ขัดแย้งกัน ไม่มีอะไรเป็นความดีงามเพื่อชาติเพื่อประชาชนเลย ไม่มีปนเลยแม้แต่ประโยคเดียว
ถามว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต่างอะไรกับเหตุการณ์ที่บ้าน “กำนันนก” เมื่อปีก่อน ที่มีตำรวจไปถอดเสื้อเมากัน สุดท้ายมียิงกันจนตำรวจตาย แล้วก็มีตำรวจฆ่าตัวตายตามไปอีกคนบ้าง
ขณะที่การเมืองภาพใหญ่ พ่อนายกฯ มีบทบาทมากกว่านายกฯ แถมทำตัวเหมือนนายกฯตัวจริง สรุปก็คือบ้านเมืองนี้ ผู้ดำรงตำแหน่งตามกฎหมาย ล้วนเป็นแค่ “นอมินี” ส่วนผู้มีอำนาจตัวจริงไม่ต้องมีตำแหน่ง ไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายใดๆ แต่สั่งได้ทุกอย่าง
เป็นอย่างนี้กันหมดทั้งพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และพรรคตัวแปร
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องตลก ประเทศไทยเป็นเมืองตลก อย่าไปจริงจังอะไรมาก เพราะถ้าไม่คิดว่ามันตลก เราคงต้องบ้าตาย!.