ความรักอันยิ่งใหญ่
ต้นแบบของผู้นำที่สร้างสมดุลระหว่างครอบครัวและภาระหน้าที่
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พิชัย รัตตกุล และคุณหญิงจรวย รัตตกุล โดยมีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นประธาน
จำนวนผู้เข้าร่วมงานนับพันสะท้อนให้เห็นถึงความอาลัยต่อบุคคลที่ทุ่มเททำงานให้ประเทศชาติมายาวนานหลายสิบปี แม้จะเป็นนักการเมืองคนสำคัญที่มีตำแหน่งหน้าที่มากมาย แต่ท่านเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับผู้คนรอบข้างอยู่เสมอ โดยเฉพาะความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ
ไม่ว่าคู่สนทนาจะเป็นใคร จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะท่านจะสนใจรับฟังเสมอ ทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่าความคิดของตัวเองมีคุณค่า และอยากติดตามท่านเพื่อมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศชาติ
ความสำเร็จของท่านจึงไม่ได้มีเพียงความเจริญก้าวหน้าในด้านธุรกิจ ไปจนถึงภาระหน้าที่ในกระทรวงต่างๆ ที่ท่านบริหารนับตั้งแต่รัฐบาลของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชน์ และรัฐบาลของ พลเอก เปรม ติณณสูลานนท์ ซึ่งต้องรับตำแหน่งสำคัญมากมายทั้งการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานรัฐสภา และยังโดดเด่นบนเวทีโลกด้วยตำแหน่งประธานสโมสรโรตารี่สากล
ถึงจะเต็มไปด้วยตำแหน่งหน้าที่สำคัญ แต่ท่านยังคงให้ความสำคัญกับครอบครัวอย่างไม่เปลี่ยนแปลง จะเห็นได้จากการเข้าพบท่านในช่วงเวลาส่วนตัวก็มักจะเป็นช่วงที่ท่านกำลังเลี้ยงดูลูกหลานเสมอ จึงเป็นต้นแบบของผู้นำที่สร้างสมดุลระหว่างครอบครัวและภาระหน้าที่การงานแม้จะเป็นบทบาทในระดับโลกก็ตาม
การทำงานของท่านจึงเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นใหม่ ได้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ และการใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถันเพื่อให้งานสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ร่วมงานทุกท่านต่างทราบกันดีถึงความเอาจริงเอาจังของท่าน
แม้แต่ในงานพระราชทานเพลิงศพของท่านเอง ก็ยังมีเสียงที่ท่านบันทึกเอาล่วงหน้าไว้กล่าวขอบคุณผู้ร่วมงานทุกคนและขอความร่วมมือในการเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้เกิดความสะดวกกับส่วนรวมและไม่เบียดเสียดกันจนเกินไป
ภายในงานเราจึงเห็นผู้ร่วมงานหลายคนที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ด้วยความรักและความอาลัย รวมถึงระลึกถึงประสบการณ์ที่เคยได้ร่วมงานกับท่าน สะท้อนให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข เพราะท่านรักทั้งครอบครัว ประเทศชาติ และสังคมโลกที่ยกระดับให้ดีขึ้นได้พร้อมๆ กัน
การสานต่อคุณงามความดีของท่านจึงยังคงมีอยู่ตลอดไปผ่านทางสายเลือดในตระกูลรัตตกุล ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เป็นนักการเมืองทุกคนแต่ก็มีบทบาทสำคัญในประเทศชาติได้ด้วยบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกัน
โดยมีความรักอันยิ่งใหญ่ของท่านเป็นกลไกเชื่อมโยงเส้นทางชีวิตของท่านพิชัยเป็นดั่งคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ”
วิถีชีวิตของท่านที่ได้ฝากผลงานและความสำเร็จที่สั่งสมมาทั้งชีวิต ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ จึงสอดคล้องกับสุภาษิตดังกล่าว นับเป็นศักดิ์ศรีและเกียรติประวัติที่ฝากไว้ให้คนรุ่นปัจจุบัน และรุ่นต่อๆไป ได้จดจำไว้เป็นแบบอย่าง ตราบนานเท่านาน