รับมือกับแรงกดดัน

รับมือกับแรงกดดัน

การทำงานในยุคปัจจุบันทำให้เราต้องเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนที่เกิดจาก “ความไม่รู้” มากมายเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งใหม่ที่เราไม่เคยรับมือมาก่อน

โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีเช่น บิ๊กดาต้า, AI ก็ล้วนเป็นเรื่องใหม่ที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อธุรกิจของเรา

ความไม่รู้จึงเป็นบ่อเกิดของความกดดันที่ถาโถมใส่เราตลอดเวลา ซึ่งความกดดันนี้หลายคนอาจรับมือได้แต่ในขณะเดียวกันหลายคนอาจรับไม่ไหวเพราะแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นและต่อเนื่องตลอดเวลานั้นหากไม่มีทัศนคติที่ดีหรือไม่มีวิธีรับมือที่ดีก็อาจทำให้เราท้อถอยและยกธงขาวยอมแพ้ไปในที่สุด

การสร้างความเข้มแข็งทั้งด้านร่างกายและจิตใจจึงเป็นหนทางสำคัญที่เราจะเอาชนะแรงกดดันเหล่านั้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้บริหารและคนทำงานที่มีฐานะเป็นผู้นำของบ้านและผู้นำในธุรกิจไปพร้อม ๆ กันจึงมีแรงกดดันรอบตัวให้ต้องจัดการ

การรับมือกับแรงกดดันเหล่านั้น ประการแรกต้องเริ่มจากร่างกายและจิตใจดังที่กล่าวไปแล้ว เพราะสุขภาพกายและใจที่ดีจะทำให้เราพร้อมรับแรงกดดันจากรอบตัว และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้แม้เจอแรงกดดันอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง

แม้จะจัดการได้ไม่ดีหรือผิดหวังแต่ก็ยังมีกำลังมากพอที่จะก้าวเดินต่อเพื่อรับความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งการสร้างความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจนี้จะช่วยเราได้ตั้งแต่ยังเรียนหนังสือไปจนถึงทำงานในระดับบริหาร เพราะเมื่อรับแรงกดดันได้เราก็จะไม่หลีกเลี่ยงปัญหาและอุปสรรคข้างหน้าแต่เดินหน้าชนเพื่อจัดการให้เร็วที่สุด

ประการที่สองคือ ใช้แรงกดดันนั้นยกระดับการตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้น เพราะเมื่อมีสภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์ เมื่อเจอแรงกดดันก็ยังคือควบคุมอารมณ์และรักษาสติปัญญาให้อยู่ในระดับสูงสุด ทำให้คงความสามารถในการตัดสินใจเพื่อเลือกแนวทางที่ดีที่สุดเสมอ

ถึงแม้ต้องพบกับความไม่แน่นอนหรืออุปสรรคที่ ทำให้งานไม่ราบรื่นแต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญก็สามารถตัดเรื่องรกสมองออกไปแล้ววิเคราะห์หาทางเลือกที่ดีที่สุดได้ทันที ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายแต่สามารถฝึกสมาธิเพื่อสร้างนิสัยนี้ได้

ประการที่สาม ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เมื่อเจอความท้าทายใหม่ๆ ต้องบอกตัวเองเสมอว่า “เราทำได้” เรื่องนี้เราทำได้ เรื่องนั้นเราเชี่ยวชาญ ฯลฯ แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่เราก็ต้องมีความมั่นใจเพียงพอที่จะรับความเสี่ยงนั้นและรับผิดชอบทุกปัญหาอย่างเต็มที่

ประการที่สี่ ต้องมีความสัมพันธ์อันดีกับทีมงานเสมอ เพราะเราไม่อาจรับแรงกดดันต่างๆ ได้เพียงลำพังเสมอไป การที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะบริษัทเดียวกัน หรือแผนกเดียวกันไปจนถึงลูกค้า พันธมิตร ล้วนทำให้เรามีคนช่วยแก้ปัญหา ช่วยรับแรงกดดันได้ดีที่สุด

ประการที่ห้า ต้องมีสมดุลในทุกเรื่อง ทั้งการบริหารตัวเองด้านร่างกายและจิตใจ ร่วมถึงการจัดการโอกาสและอุปสรรค ต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์ที่เป็นระบบ รู้จักการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเพื่อให้เราสร้างสมดุลให้ได้

ประการที่หก ใช้ปัญหาและแรงกดดันที่เจอนั้น ยกระดับการทำงานของเราให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น เพราะเมื่อเจอแรงกดดัน อุปสรรค หรือปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ เราก็จะได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ และมีหนทางในการจัดการกับปัญหาได้มากขึ้น

ท้ายที่สุดก็จะทำให้เราปรับตัวได้เร็วขึ้น มีความยืดหยุ่นสูงขึ้น และหากทำได้อย่างต่อเนื่องก็จะทำให้เรารักษาประสิทธิภาพในการทำงาน ยกระดับการตัดสินใจได้อย่างมืออาชีพมากขึ้นเรื่อยๆ จนเรากล้าที่จะรับความท้าทายใหม่ๆ เสมอ 

…ติดตามข้อคิดเพิ่มเติมได้ในสัปดาห์หน้าครับ