เวลาและเป้าหมาย

เวลาและเป้าหมาย

ปัญหาใหญ่คือ ความกระตือรือร้นที่เกิดขึ้นนั้นมักจะอยู่ได้ไม่นานนัก

เป็นปกติของการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ที่เรามักจะเริ่มต้นด้วยการส่งความสุขและความปรารถนาดีแก่กัน และคนส่วนใหญ่ก็หวังที่จะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยชีวิตการงานที่ก้าวหน้ามากขึ้น

สัปดาห์แรกของปีจึงมักเป็นการเริ่มงานด้วยพลังเต็มเปี่ยมพร้อมด้วยกำลังใจเต็มร้อยที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้สำเร็จ

ปัญหาใหญ่คือ ความกระตือรือร้นที่เกิดขึ้นนั้นมักจะอยู่ได้ไม่นานนัก หลายคนขยันขันแข็งได้ไม่กี่วันก็กลับไปทำงานเอื่อยเฉื่อยเหมือนเดิม 

อาจเป็นเพราะไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนจึงไม่มีแรงจูงใจและไม่สามารถขยันได้อย่างต่อเนื่องเหมือนที่ตั้งใจไว้

บางคนมีเป้าหมาย แต่มันก็ดูเลือนรางเหลือเกินจนรู้สึกว่ายากเกินกว่าจะไปถึงได้ ทำให้ความตั้งใจที่วางไว้ว่าจะทำให้เสร็จในวันพรุ่งนี้ถูกเลื่อนไปเป็นมะรืนนี้ เป็นอาทิตย์หน้า เป็นเดือนหน้า แล้วกลายเป็นปีหน้า จนความสำเร็จของเรากลายเป็นการพายเรือในอ่าง ไปไหนได้ไม่ไกลเพราะเราผัดวันประกันพรุ่งมาโดยตลอด

ยิ่งชีวิตของคนยุคปัจจุบันที่เสพติดการใช้โซเชียลมีเดีย หลายคนเสพติดซีรีส์ บางคนติดเกมออนไลน์ ฯลฯ ทำให้กินเวลาที่เคยวางแผนไว้ว่าจะทำงานสำคัญ แม้จะรู้สึกผิดและรู้ว่ามีความรับผิดชอบรออยู่ แต่ก็มักจะยอมเสียเวลา “อีกนิดหน่อย” เพื่อตอบข้อความของเพื่อนในโซเชียลมีเดีย หรือดูซีรีส์อีกตอนหนึ่ง ซึ่งมักจะไม่พอและทำให้เราต้องเสียงานเสียการไปอีกหลายชั่วโมงหรือหลายวัน

การผัดวันประกันพรุ่งดูเหมือนจะแก้ได้ไม่ยาก เพราะมีหนังสือ How to ที่แนะนำเรื่องนี้มากมายที่เราสามารถอ่านและทำตามได้ทันที แต่ส่วนมากแล้วก็จะสร้างแรงบันดาลใจให้ได้ไม่นานนักหากเราเอาแต่ทำตามตำราโดยไม่กำหนดเป้าหมายในชีวิตอย่างจริงจัง

ผมเชื่อว่าหลายคนเคยมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเคยพิชิตเป้าหมายนี้มาแล้ว เช่นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะนั่นเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับนักเรียนมัธยมปลายที่ต้องการสอบแข่งขันเข้าเรียนในสถาบันที่ตัวเองหมายปอง

เมื่อเรามีเป้าหมายชัดเจนเราก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เราสอบเข้าสถาบันที่ต้องการได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสืออย่างหามรุ่งหามค่ำ ทำแบบฝึกหัดนับร้อยข้อ และหาที่เรียนพิเศษเพื่อเสริมความรู้ในวิชาที่เรายังทำคะแนนได้ไม่ดีนัก

แน่นอนว่าการทุ่มเทอย่างหนักทำให้หลายคนสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่น่าแปลกที่คนเหล่านี้เมื่อฝ่าฟันสมรภูมิในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วก็มักจะปล่อยวางทุกอย่างและกลายเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตไปเสียง่ายๆ

การไม่มีเป้าหมายส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขายังค้นหาตัวเองไม่พบ เพราะทุ่มเททุกอย่างเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว เมื่อสอบได้แล้วควรจะมีเป้าหมายอะไรต่อนอกจากการเรียนให้จบ เช่นการได้ทำงานที่ดี มีเงินเดือนสูง ๆ ซึ่งหลายคนจะพูดถึงการมีอิสรภาพ ไม่ว่าจะเป็นอิสรภาพในการใช้ชีวิต หรืออิสรภาพทางการเงินหากมีรายได้มากพอ

แต่อิสรภาพนั้นใช่เป้าหมายที่แท้จริงในชีวิตของเราหรือไม่? ผมกลับเห็นตรงกันข้าม เพราะอิสระภาพทั้งด้านการเงินและการใช้ชีวิตนั้นเป็นปลายทางต่างหากมิใช่จุดเริ่มต้น เพราะหากไม่มีการวางแผนด้านการทำงาน การออมเงิน การลงทุน ฯลฯ ก็ไม่มีทางที่จะมีอิสรภาพทางการเงินได้จริง

เป้าหมายที่เราคิดไว้จึงอาจเป็นเป้าหมายใหญ่ ที่ต้องมีเป้าหมายรองที่ต้องบรรลุให้ได้ระหว่างทางมารองรับ แต่อย่ากำหนดแต่เป้าหมายใหญ่ๆ ปลายทาง แล้วมองไม่เห็นว่าจะไปถึงได้อย่างไรเพราะนั่นจะทำให้เราไม่ต่างอะไรกับคนไม่มีเป้าหมาย

เมื่อเป้าหมายชัดเจน เราก็จะรู้ว่าก้าวแรกที่ต้องทำเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการนั้นเริ่มตรงไหน และรู้ว่าเราต้องเริ่มทำทันที ไม่ใช่รอวันพรุ่งนี้ หรืออาทิตย์หน้าซึ่งอาจกลายเป็นเดือนหน้าและปีหน้าไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นเป้าหมายที่ไม่มีวันไปถึง