มองเหตุการณ์สยองขวัญรับวันขึ้นปีใหม่ในอเมริกา
แสงเสียงจากการจุดพลุอันตระการตาและประทับใจต้อนรับวันปีใหม่ยังไม่ทันจะสงบดี ก็มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาซึ่งตอกย้ำซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า สังคมอเมริกันมีอันตรายร้ายแรงแฝงอยู่ดูจะเกือบทุกหย่อมหญ้า เสียงระเบิดเกิดขึ้นเวลา 3.15 น. ในใจกลางเมืองนิวออร์ลีนซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางวัฒนธรรมแบบผสมของสังคมอเมริกัน และเวลา 8.30 น.ที่เมืองลาสเวกัส ซึ่งเป็นบ่อนการพนันบันลือโลก
ผู้ก่อเหตุการณ์สยองขวัญและผลของมันมีทั้งความคล้ายและความต่าง เช่น ทั้งสองคนมีประสบการณ์ในด้านการประกอบและใช้อาวุธจากการเป็นทหารผ่านศึกของสหรัฐที่ไปรบในอัฟกานิสถาน คนก่อเหตุในเมืองนิวออร์ลีนผิวดำซึ่งออกมาจากประจำการแล้ว และเปลี่ยนศาสนาจากคริสต์เป็นอิสลาม ส่วนอีกคนผิวขาวยังอยู่ในประจำการและไม่มีหลักฐานว่าเปลี่ยนศาสนา
ทั้งคู่มีปัญหาถึงขั้นหย่าร้างกับภรรยาแต่ยังมีปัญหากับภรรยาคนใหม่และตายในที่เกิดเหตุ คนแรกจากกระสุนปืนของตำรวจ ส่วนอีกคนยิงตนเอง อาวุธที่ใช้มีทั้งปืนและระเบิดทำขึ้นเองจากวัสดุที่หาซื้อได้ทั่วไป ทั้งคู่เช่ารถกระบะจากบริษัทเดียวกันแต่ต่างสาขาและขับจากบ้านของตนไปก่อเหตุในต่างรัฐ
คนแรกใช้วิธีขับรถฝ่าฝูงชนที่กำลังต้อนรับปีใหม่ ส่งผลให้คนตาย 14 คนและบาดเจ็บ 35 คนก่อนจะออกจากรถมายิงตำรวจบาดเจ็บ 2 คนและถูกตำรวจยิงตายในสถานที่เกิดเหตุ ต่อมาตำรวจพบว่าเขาได้ซุกระเบิดไว้แต่ยังไม่ได้จุดชนวน ส่วนคนที่ 2 ขับรถไปจอดตรงหน้าโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งเป็นของนายโดนัลด์ ทรัมป์แล้วยิงหัวตัวเองพร้อม ๆ กับจุดระเบิดในรถจนไฟไหม้รถทั้งคัน ส่วนโรงแรมแทบไม่เสียหายและไม่มีคนตายจากแรงระเบิด
ในรถเช่าของคนแรก ตำรวจพบธงของกลุ่มมุสลิม ที่กำลังปฏิบัติการล้มล้างรัฐบาลของหลายประเทศและสถาปนารัฐอิสลามขึ้นแทน โดยเฉพาะในย่านตะวันออกกลาง สหรัฐขัดขวางปฏิบัติการนั้น จึงเป็นคู่ต่อสู้สำคัญของกลุ่ม เนื่องจากกลุ่มนี้ไม่มีทางสู้มหาอำนาจแบบซึ่งหน้าได้ จึงใช้วิธีอื่นรวมทั้งการขับเครื่องบินชนตึกขนาดใหญ่เมื่อหลายปีก่อน เหตุการณ์ในแนวนี้จะมีต่อไป สร้างความไม่ปลอดภัยให้ชาวอเมริกันแม้จะอยู่ในบ้านตัวเองตราบใดที่สหรัฐยังใช้อำนาจช่วงชิงทรัพยากรของชาวโลก รวมทั้งแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ในย่านตะวันออกกลาง
เกี่ยวกับคนที่ 2 ตำรวจพบเอกสารหลายอย่าง รวมทั้งการแสดงความไม่พอใจอย่างแรงกล้าจากความเชื่อที่ว่า ผู้นำสหรัฐอ่อนแอซึ่งจะนำไปสู่ความล่มสลายของประเทศ เนื่องจากชาวอเมริกันใส่ใจเฉพาะในเรื่องที่มีความโดดเด่นและรุนแรง เขาจึงใช้วิธีจุดระเบิดเพื่อจะบอกชาวอเมริกันว่าถึงเวลาตื่นตัวกันได้แล้ว ไม่ใช่การก่อการร้าย
อันตรายในแนวนี้จะมีต่อไปในสหรัฐเนื่องจากจะมีชาวอเมริกันจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะไม่พอใจในสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างแรงกล้าเสมอ ทั้งด้านชีวิตในครอบครัวและด้านการเมืองและสังคม การเข้าถึงอาวุธร้ายได้ง่ายและความเชี่ยวชาญในการสร้างและใช้อาวุธจากการเป็นทหารจะมีต่อไปตราบใดที่สหรัฐยังมีกองทัพ
หลายวันก่อนการก่อเหตุ คนแรกเดินทางจากบ้านไปสำรวจและถ่ายภาพสถานที่ซึ่งอยู่ไกลถึงเกือบ 900 กม. เพื่อป้องกันมิให้ใครสงสัย เขาใส่แว่นตาอัจฉริยะบันทึกภาพ หากไม่จงใจสังเกต แว่นตาชนิดนี้จะไม่มีความแตกต่างกับแว่นตากันแดดทั่วไป เรื่องนี้ชี้ให้เห็นประเด็นเกี่ยวกับคำสาปของเทคโนโลยีซึ่งมักมีแฝงอยู่เสมอ ทั้งจากการใช้มันแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าผลกระทบของมันจะเป็นอย่างไรและจากความจงใจที่จะใช้ไปในทางทำชั่ว
แว่นตาอัจฉริยะกับโทรศัพท์อัจฉริยะไม่ต่างกันในด้านการมีประโยชน์ แต่ก็พร้อมที่จะให้โทษได้เสมอ เทคโนโลยียิ่งก้าวหน้า อานุภาพยิ่งสูง นั่นหมายความว่าต้องใช้มันด้วยปัญญามากขึ้นและด้วยเจตนาที่อยู่บนฐานของจรรยาบรรณอย่างมั่นคงขึ้น ณ วันนี้ ชาวอเมริกันและชาวโลกโดยทั่วไปยังไม่มีปัญญาพร้อมกับเจตนาดีพอที่จะหนีคำสาปของเทคโนโลยีได้พ้น