เฟดโก้ ระบุความเชื่อมั่นนักลงทุนทรงตัวยังกังวลดอกเบี้ยขาขึ้น

เฟดโก้  ระบุความเชื่อมั่นนักลงทุนทรงตัวยังกังวลดอกเบี้ยขาขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน เม.ย. ทรงตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ คาดหวังท่องเที่ยวฟื้นตัว และ เงินทุนไหลเข้า ช่วยหนุนความเชื่อมั่นปัจจัยลบรัสเซีย—ยูเครน และนโยบายดอกเบี้ย FED

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนเมษายน 2565 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 95.42 ปรับตัวลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้า และยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ โดยนักลงทุนมองว่าการฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความกังวลต่อสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซีย—ยูเครน รองลงมาคือนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED  และการเก็บภาษีจากการขายหุ้น (Financial Transaction Tax)

 

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนเมษายน 2565 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กรกฎาคม 2565) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 95.42
  • ความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ “ทรงตัว”  ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อยู่ในระดับ “ซบเซา”
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยว
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความกังวลต่อสถานการณ์ขัดแย้งใน รัสเซีย—ยูเครน
  • เฟดโก้  ระบุความเชื่อมั่นนักลงทุนทรงตัวยังกังวลดอกเบี้ยขาขึ้น

 

     “ผลสำรวจ ณ เดือนเมษายน 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับลด 13.1% อยู่ที่ระดับ 98.36 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 25.0% อยู่ที่ระดับ 75.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 15.0% อยู่ที่ระดับ 85.00 และความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลด 25.0% มาอยู่ที่ระดับ 100.00 "

      ในเดือนเมษายน 2565 SET Index ปรับตัวในทิศทางที่ลดลงตลอดทั้งเดือน จากความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ  และการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ลงมาอยู่ที่ 3.5% จากเดิม 4%

      อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนไทยยังได้รับข่าวดีจากการที่รัฐบาลประกาศผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ และเงินทุนไหลเข้าจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องซึ่งซื้อสุทธิในเดือนเมษายน 9,779.91 ล้านบาท และซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปี 118,120.26 ล้านบาท ส่งผลให้ SET index ปิดที่ 1,667.44 จุด ณ สิ้นเดือนเมษายน 2565 ปรับตัวลดลง 1.6% จากเดือนก่อนหน้า

       ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ผลกระทบจากสถานการณ์ยืดเยื้อระหว่างรัสเซีย—ยูเครน ที่ก่อให้เกิดวิกฤติพลังงานและอาหาร และซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อสูงในปัจจุบันซึ่งทำให้ความกังวลต่อการเกิดภาวะ Stagflation สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางแต่ละประเทศที่มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น

       อาทิ FED มีส่งสัญญาณจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และมีแนวโน้มจะเริ่มนโยบาบ Quantitative Tightening ในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมถึงต้องติดตามสถานการณ์ lockdown ในประเทศจีนจากการที่ Covid-19 กลับมาระบาดในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกที่น่าติดตามจากแนวโน้มการเปิดประเทศในแถบเอเชียซึ่งจะสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและการท่องเที่ยวในประเทศหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ”