อุตสาหกรรมฟื้นรับไฮซีซั่น สล็อตการบินไตรมาส 4 แน่น
กูรูการบินชี้อุตสาหกรรมฟื้นรับไฮซีซั่นไตรมาส 4 กพท.โชว์สล็อตบินสุวรรณภูมิ - ดอนเมืองเริ่มแน่น มั่นใจตลาดเอเชียคึกคัก เบอร์หนึ่ง “อินเดีย” เที่ยวไทยแล้ว 1.5 หมื่นคน “การบินไทย” รุกเจาะตลาดเปิดเส้นทางบินเพิ่มความถี่ ขณะที่ ทอท.ระบุผ่านจุดต่ำสุดรอบ 2 ปี
นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่เตรียมจะปรับมาตรการยกเลิกระบบ Test & Go สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ไม่ต้องตรวจโควิดด้วย RT-PCR เหลือเพียงการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit หรือ ATK เป็นมาตรการที่จะส่งผลบวกต่อภาคท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบินโดยตรง เพราะผู้โดยสารจะสามารถเดินทางเข้าไทยได้คล่องตัวมากขึ้น
โดยภาพรวมหลังวันที่ 1 พ.ค.นี้ ปริมาณการเดินทางสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้โดยสารส่วนใหญ่เดินทางได้เกือบเหมือนปกติก่อนโควิด-19 ระบาด มีเพียงต้องลงทะเบียนและตรวจสอบเอกสาร COVID-19 Vaccination Certificate เท่านั้น ซึ่ง กพท.เชื่อว่าช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่กำลังจะเริ่มในเดือน ต.ค. - มี.ค.นี้ จะเป็นช่วงฟื้นตัวของปริมาณนักท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด แต่จะคึกคักมากอย่างไรต้องรอสายการบินวางแผนธุรกิจและยืนยันตารางบิน (สล็อต)
สำหรับภาพรวมตารางบินฤดูหนาวที่สายการบินยื่นคำขอไว้ในขณะนี้ พบว่าท่าอากาศยานหลักอย่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองมียอดจองสล็อตสูงมาก โดยในส่วนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีสล็อตขาเข้าที่จองเต็มแล้ว 14 ชั่วโมง และขาออกจองเต็ม 13 ชั่วโมง ส่วนสล็อตขาเข้าใกล้เต็มอีก 7 ชั่วโมง และขาออกใกล้เต็มอีก 8 ชั่วโมง เหลือสล็อตขาเข้าและขาออกที่ยังว่างเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
เช่นเดียวกับท่าอากาศยานดอนเมือง ขณะนี้มีสายการบินยื่นจองสล็อตขาเข้าเต็ม 8 ชั่วโมง ขาออกเต็ม 8 ชั่วโมง ส่วนสล็อตเกือบเต็มขาเข้ามี 6 ชั่วโมง และขาออกมี 6 ชั่วโมง เหลือสล็อตที่ยังว่างอยู่ทั้งขาเข้าและขาออกเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถือว่าในภาพรวมของตารางบินฤดูหนาวนี้ สายการบินให้ความสนใจจองสล็อตบินสูงกว่าในช่วงที่ผ่านมา เป็นการจองสล็อตบินที่คึกคักอย่างมาก สัญญาณบวกที่ดีกว่าอุตสาหกรรมการบินเริ่มกลับมาฟื้นตัว
“ยอดจองสล็อตนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะยังอยู่ในช่วงที่สายการบินสามารถพิจารณาแผนธุรกิจ ซึ่งทุกสายการบินสามารถขอยกเลิกได้ก่อนกำหนดตารางการบินไม่น้อยกว่า 4 สัปดาห์ ดังนั้นตารางบินฤดูหนาวที่จะเริ่ม 30 ต.ค.นี้ คนที่จะบินวันที่ 30 ต.ค.เลย ถ้าจะไม่บินก็ต้องขอยกเลิกภายใน 30 ก.ย.2565 แล้วก็ไล่ไปเรื่อยๆ แต่ดูแนวโน้มแล้วไม่น่าจะมียกเลิก น่าจะมีส่วนที่ขอมาเพิ่มในจำนวนมากกว่า”
รายงานข่าวจาก กพท.ระบุว่า สถิติการเดินทางเข้าไทยนับตั้งแต่ปรับเปลี่ยนมาตรการเข้าประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1.5 หมื่นคนต่อวัน เพิ่มขึ้นหากเทียบกับช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีผู้โดยสารอยู่ราว 1.2 หมื่นคนต่อวัน และช่วงก่อนวันที่ 1 เม.ย.2565 มีผู้โดยสารเข้าไทยเฉลี่ย 8-9 พันคนต่อวัน
ขณะที่การฟื้นตัวของปริมาณผู้โดยสาร ข้อมูลล่าสุด ระหว่างวันที่ 1-11 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าตลาดหลักที่กลับมาเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ คือ ตลาดเอเชีย โดยปริมาณการเดินทางสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ มีจำนวน 22,658 คน รองลงมา คือ อินเดีย จำนวน 15,357 คน มาเลเซีย 8,792 คน สหราชอาณาจักร 7,379 คน และออสเตรเลีย จำนวน 7,238 คน
“ปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศขณะนี้ ยังไม่เห็นตลาดหลักของไทยที่เคยมีอย่างจีน และรัสเซีย เนื่องจากสองประเทศนี้ยังไม่เปิดประเทศ แต่จากสถิติที่เห็นว่าสิงคโปร์มีปริมาณการเดินทางเข้าไทยสูงสุดนั้น กพท.ก็ประเมินว่าน่าจะเป็นการเดินทางลักษณะต่อเครื่องไปยังจุดหมายปลายทางอื่นมากกว่า ดังนั้นตลาดหลักในตอนนี้ที่เดินทางเข้าไทยเพื่อการท่องเที่ยว คือ อินเดีย”
ด้านนายสุวรรธนะ สีบุญเรือง รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้การบินไทยและไทยสมายล์กำลังเดินหน้าทำการตลาดอินเดียร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวศักยภาพอย่าง กลุ่มท่องเที่ยวพักผ่อน กลุ่มนักกอล์ฟกลุ่มแต่งงาน กลุ่มเยี่ยมญาติ เป็นต้น
โดยอินเดียถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่มีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวไทย จำนวนผู้โดยสารในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 1.9 ล้านคน สร้างรายได้ให้การบินไทยกว่า 8.5 พันล้านบาท ขณะที่ภาพรวมปัจจุบัน พบว่าเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเส้นทางกรุงเทพฯ – ภูเก็ต - มุมไบ มีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (เคบิ้น แฟกเตอร์) สูง 80 – 90% การเดินหน้าเจาะตลาดอินเดียในครั้งนี้ การบินไทยคาดหวังว่าจะเป็นเหมือนจุดสตาร์ทการฟื้นตัวของผู้โดยสารระหว่างประเทศ
สำหรับปัจจุบันการบินไทย และสายการบินไทยสมายล์ ทำการบินเส้นทางระหว่างอินเดียมายังประเทศไทย ดังนี้
1.เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-นิวเดลี ทำการบินสัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน
2.เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-มุมไบ ทำการบินสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน
3.เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เจนไน ทำการบินสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน
4.เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เบงกาลูรู ทำการบินสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน
5.เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-กัลกัตตา ทำการบินสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน
6.เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-มุมไบ ทำการบินสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน
อย่างไรก็ดี จากการประเมินเคบิ้นแฟกเตอร์ของการบินไทยและไทยสมายล์ คาดว่าจะสามารถนำชาวอินเดียเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 1.3 หมื่นคนต่อเดือน และคาดว่าจะสูงขึ้นถึง 8 หมื่นคนต่อเดือน เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ
นอกจากนี้ การบินไทยและไทยสมายล์ยังกลับมาให้บริการเส้นทางบินในเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา การบินไทยกลับมาให้บริการเที่ยวบินกรุงเทพฯ-เดนปาซาร์ (บาหลี) ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนไทยสมายล์กลับมาให้บริการ 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา และกรุงเทพฯ-ฮานอย ประเทศเวียดนาม
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เผยว่า การปรับมาตรการเข้าประเทศ จะส่งผลบวกต่อตารางบินฤดูหนาวปีนี้ เพราะในช่วงเดือน พ.ค.ของทุกปี จะเป็นช่วงที่สายการบินวางแผนสล็อตและทำคำขอเปิดเส้นทางบิน ดังนั้นสล็อตฤดูหนาวปีนี้ มีสัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน และ ทอท.ประเมินว่าอีก 2 ปีนับจากนี้ จะเป็นช่วงฟื้นตัวของอุตสาหกรรม และกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2568
ในส่วนของ ทอท.ยอมรับว่าแม้การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินจะเริ่มต้น แต่การฟื้นตัวในช่วงตารางบินฤดูหนาว ไม่สามารถทำให้ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2565 ของ ทอท. พลิกกลับมาทำกำไรได้ เนื่องจากในระหว่างปีงบประมาณตัวเลขผู้โดยสารอยู่ที่ 19 ล้านคน ซึ่งประมาณการณ์ต่อปีประเมินไว้ที่ 62 ล้านคน ดังนั้นปีนี้แน่นอนว่าผู้โดยสารจะขยายตัวมากกว่าปีก่อนแน่นอน จากฐานที่มีต่ำ ถือว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกลับมาเป็นบวกในทันที
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องจับตาในช่วงฟื้นตัวอุตสาหกรรมการบิน 2 ปีนี้ คือความพร้อมของซัพพลายเออร์ เพราะการกลับมาเปิดทำการบิน หรือประกอบกิจการ ก็ต้องมาลุ้นด้วยว่าจะคุ้มทุน หรือ Break even หรือไม่ ซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมพร้อมที่จะกลับมาประกอบกิจการเหมือนกันหรือไม่ บริษัททัวร์จะกลับมาหรือยัง ดังนั้นไฮซีซั่นนี้เชื่อว่าทุกสายการบินมีแผล แต่จะกลับมาใช้โอกาสนี้เปิดให้บริการ ทำให้สิ่งที่น่ากลัวในช่วงฟื้นฟูนั่นคือความพร้อมของซัพพลายเออร์