เชอรีล่อน โหมขยายฐานตลาดชุดชั้นในรับโอกาสเติบโตสูง

นายพิภพ โชควัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิวซิตี้ (กรุงเทพฯ) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มเลกแวร์ และชุดชั้นใน ภายใต้แบรนด์เชอรีล่อน เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มอินเนอร์แวร์ หรือ ชุดชั้นใน รูปแบบ Seamless เน้นทอแบบไร้รอยต่อ มีทั้งบราทอไร้ตะเข็บ เช่น เสื้อบังทรง กางเกงชั้นใน เพื่อให้มีสัดส่วน 70%

ส่วนกลุ่มเลกแวร์ หรือ ถุงน่อง เลกกิ้ง ถุงเท้า มีสัดส่วน 30% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 50% เท่ากัน เนื่องจากมองว่ากลุ่มสินค้าชุดชั้นในเป็นตลาดใหญ่และยังสามารถต่อยอดด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างการเติบโตได้อีกมาก รวมไปถึงสินค้าอื่นๆเข้ามาเติมพอร์ต เช่น ชุดชั้นในชาย เสื้อยืดชาย แบรนด์แซนรีโม

ขณะเดียวกันยังได้ปรับระยะเวลาการออกสินค้าให้เร็วขึ้น เพื่อให้ทันกับเทรนด์ลูกค้าในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พร้อมกับเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น สาวพลัสไซส์ที่มีทั้งบรา ชุดชั้นใน และถุงน่อง และขยายฐานลูกค้าอายุน้อยลงในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา จากเดิมที่เป็นกลุ่มวัยทำงาน

นอกจากนี้ มุ่งขยายช่องทางจำหน่ายในตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่องทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยให้บริษัทมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังขยายฐานลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้ครอบคลุมมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ได้นำเทคโนโลยี ซิลเวอร์ ไอออน มาบรรจุในเส้นใยด้วยในการ ผลิตถุงเท้า ถุงน่อง เลกกิ้ง ปลอกแขน มีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสได้ตลอดอายุการใช้งาน ช่วยลดการนำเชื้อโรคกลับเข้าบ้าน ซึ่งถือ เป็นนวัตกรรมใหม่ที่เข้ามารองรับสถานการณ์ในปัจจุบัน และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการหลีกเลี่ยงจากเชื้อโรคต่างๆ นำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีขึ้น

“นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เชอรีล่อนในฐานะผู้นำของตลาดถุงน่องได้ปรับแผนการผลิตสินค้าเพื่อตอบรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น หน้ากากชนิดผ้าทอ"

และด้วยแนวคิดที่จะเพิ่มการดูแล ลูกค้าให้ปลอดภัย เพื่อสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่เชื้อโรคมีอยู่ทั่วไปทั้งบนพื้นหรือเป็นละอองลอย ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพดูแลตัวเองมากขึ้น เชอรีล่อนจึงนำนวัตกรรมเส้นใยใหม่ที่มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อไวรัสและแบคทีเรียมาผลิตสินค้ากลุ่มแอนไทไวรัล สร้างประสิทธิภาพการป้องกัน

พิภพ กล่าวต่อว่า สำหรับยอดขายแบรนด์เชอรีล่อนปีนี้เติบโตขึ้นจากปีก่อน จากห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ ประชาชนมีการออกมาทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม มองว่าควรจะดีขึ้นมากกว่านี้ หากไม่เกิดปัญหาเงินเฟ้อ สงครามรัสเซียและยูเครน การขาดแคลนวัตถุดิบ ที่ทำให้ประชาชนบางส่วนยังไม่พร้อมในการใช้เงิน