วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (26 พ.ค. 65)
ราคาน้ำมันปรับเพิ่ม หลังน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลด
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับเพิ่ม หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เผยเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุดสัปดาห์ ณ วันที่ 20 พ.ค. 65 ปรับตัวลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 419.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 0.7 ล้านบาร์เรล หลังก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้มีการปล่อยน้ำมันดิบจาก SPR อย่างต่อเนื่อง เพื่อผ่อนคลายราคาน้ำมันในประเทศที่อยู่ในระดับสูง
+ โรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มอัตราการกลั่นกว่าร้อยละ 1.4 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับร้อยละ 93.2 สูงสุดตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเดือน ธ.ค. 62 เพื่อสนับสนุนอุปทานน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดที่จำกัด อุปสงค์ฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงในช่วงวันหยุดวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ (U.S. Memorial Day) และค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง
+/-ประเทศจีนได้เตรียมยกเลิกการล็อกดาวน์ในเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นไป ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่เมืองปักกิ่งที่ยังคงมีมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่องหลังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี จีนมีแผนที่จะใช้นโยบายช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดกว่า 0.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 219.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่จีนมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเพื่อผ่อนคลายระดับน้ำมันเบนซินคงคลังที่อยู่ในระดับสูง
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันดีเซลในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามอุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการส่งออกน้ำมันดีเซลของอินเดียที่สูงขึ้นในเดือน เม.ย. 65 กว่าร้อยละ 43.2 จากปีก่อนหน้า