IRC กำไร 2Q65 เติบโต QoQ แต่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ YoY จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
รายงานกำไร 2Q65 ที่ 64 ลบ. หดตัว 51%YoY แต่เติบโต 136%QoQ จากต้นทุนที่ปรับตัวขึ้น YoY: รายงานกำไร 2Q65 (ม.ค.-มี.ค.65) ที่ 64 ลบ. หดตัว 51%YoY แต่เติบโต 136%QoQ เป็นไปตามที่เราประมาณการไว้ (คาดกำไร 1Q65 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุด)
โดยรายได้จะเพิ่มขึ้นสู่ 1.6 พันลบ. เติบโต 13%QoQ และเติบโต 10%YoY เนื่องจากยอดการผลิตรถยนต์ปรับตั ขึ้น 1.3%QoQ และเพิ่มขึ้น 3.1%YoY สู่ 480,078 คัน ขณะที่ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์อ่อนตัวลง 2.4%QoQ และอ่อนตัว 5.3%YoY สู่ 489,238 คัน ส่งผลให้ยอดการผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์รวมอยู่ที่ 969,316 คัน หดตัว 0.6% QoQ และหดตัว 1.3%YoY ตามลำดับ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยสู่ 9.2% จาก 8.6% ในไตรมาสก่อน แต่ลดลง YoY จาก 16% ใน 2Q64 โดยต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ Synthetic Rubber Carbon Black และ Nylon ยังทรงตัวในระดับสูงตามราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง ด้านอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวลง 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าสู่ 6.2% ทั้งนี้ (ลดลงจาก 6.4% ใน 1Q64) กำไร 6M65 อยู่ที่ 91.3 ลบ. หดตัว 64%YoY และคิดเป็น 37% ของประมาณการ
- ยอดการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมเดือน ม.ค.-มี.ค.65 หดตัว 0.6% QoQ และหดตัว 1.3%YoY ตามลำดับ และแนวโน้ม เม.ย.-มิ.ย.อ่อนตัวลง: ยอดการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมเดือน ม.ค.-มี.ค. 65 อยู่ที่ 969,316 คัน หดตัว 0.6%YoY และหดตัว 1.3%YoY ตามลำดับ โดยยอดผลิตรถยนต์ฟื้นตัวตามความต้องการในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามยอดผลิตรถจักรยานยนต์อ่อนตัวลงจากยอดส่งออกที่ปรับตัวลง ทั้งนี้แนวโน้มการผลิตรถยนต์ในเดือน เม.ย.-มิ.ย.65 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเนื่องจากปัญหาชิปที่ขาดแคลน และการล็อกดาวน์ของประเทศจีนทำให้วัตถุดิบในการประกอบรถยนต์ขาดแคลนจากการขนส่งที่ล่าช้า อย่างไรก็ตามสภาอุตสาหกรรมฯ ยังคงยอดการผลิตรถยนต์ปี 65 จะเพิ่มขึ้น 7%จากปีก่อนสู่ 1.80 ล้านคัน ภายใต้สมมติฐานจีนกลับมาเปิดเมืองในเดือน ก.ค. 65 และคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ก.ค.-ธ.ค. 65 จากการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นไป
- คงประมาณการกำไรปี 65 ที่ 247 ลบ. แม้ 6M65 จะมีกำไร 91.3 ลบ. คิดเป็น 37% ของประมาณการ เนื่องจากคาดกำไร 1Q65 เป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุด : ฝ่ายวิจัยคงคาดการณ์รายได้รวมปี 65 ราว 5.65 พันลบ. เพิ่มขึ้น 6% จากปี 64 ตามคาดการณ์การผลิตรถยนต์ของสภาอุตสาหกรรม ฯ โดยคาดว่าจีนจะคลายล็อกดาวน์ในเดือนก.ค.65 ช่วยให้การผลิตรถยนต์กลับสู่ภาวะปกติและคงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 11.5% (GPM 6M65 อยู่ที่ 8.9%) เนื่องจากคาดอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะชะลอตัวจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเริ่มทำ Quantitative Tightening นอกจากนี้สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนดำเนินมากว่า 3 เดือน (ตั้งแต่เดือนก.พ.65) ทำให้ IRC เริ่มหาซัพพลายเออร์จากแหล่งอื่นและการใช้ระบบผลิตอัตโนมัติเพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ เราคงประมาณการกำไรปี 65 ที่ 247 ลบ. หดตัว 27%YoY โดยกำไร 6M65 คิดเป็น 37% ของประมาณการ เนื่องจากคาด 1Q65 เป็นไตรมาสที่ต่ำสุด
- คงคำแนะนำ “ถือ” พร้อมคงราคาเหมาะสมที่ 17.30 บาท : เราประเมินมูลค่าด้วยวิธี Price to Earnings Ratio (P/E Ratio) โดยอิงค่าเฉลี่ย P/E Ratio ย้อนหลัง 3 ปีที่ 13.5 เท่า โดยคงคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 65 ที่ 1.28 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมที่ 17.30 บาทต่อหุ้น โดยคาดหวัง Yield ที่ 4.9% ทั้งนี้ IRC มีจุดเด่นจาก 1) D/E ต่ำเพียง 0.4 เท่า ณ มี.ค.65 และ 2) มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ (เงินสดราว 1.1 พันลบ. ณ มี.ค.65) ทั้งนี้ แม้ราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานพอสมควร แต่เราคงคำแนะนำ “ถือ” เนื่องจากยังมีปัจจัยกดดันด้านต้นทุน และปัญหาชิปที่ขาดแคลน รวมถึงกำไร 6M65 คิดเป็น 37% ของคาดการณ์ทั้งปี หากกำไร 3Q65 ต่ำกว่าตามคาดอาจเป็นแรงกดดันให้ปรับประมาณการณ์ลง
ปัจจัยเสี่ยง
i) อุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ในปี 2565
ii) ราคาน้ำมันดิบและราคายางพาราปรับตัวขึ้น