โบรก คัด 'หุ้นเด่น' รับจีนคลายล็อกดาวน์ ฟื้นศก.ไทย
“โบรก” เผย จีน คลายล็อกดาวน์ หนุน เศรษฐกิจ-หุ้นไทย “บล.เอเซีย พลัส ” คัด 4 หุ้นเด่น คาดฟื้นตัวน่าสนใจลงทุน บล.ทิสโก้ ชี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน หนุน หุ้นโภคภัณฑ์ พร้อมคาดฟันด์โฟลว์ทั้งปีซื้อสุทธิหุ้นไทยแตะ 2 แสนล้าน บลจ.ยูโอบี เชื่อ ส่งผลดีบรรยากาศลงทุนระยะสั้น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส เปิดเผยว่า จากทางการจีนคลายล็อกดาวน์ที่เซียงไฮ้ เริ่ม 1 มิ.ย.2565 ทำให้หลายธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง และ มีมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและมาตรการฟื้นฟูการบริโภคถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนเศราฐกิจจีน และเศรษฐกิจไทยในช่วงต่อจากนี้
โดยฝ่ายวิจัย ด้ค้นหากลุ่มหุ้นที่ปรับลงมานับจากจีนเริ่มคลายล็อกดาวน์ ช่วงปลายเดือนมี.ค. (28 มี.ค.2565 ) ถึงปัจจุบัน พบว่ากลุ่มที่ปรับลงมาลึก เช่น กลุ่มเหล็กและ ผลิตภัณฑ์โลหะ(STEEL) ,ธนาคารพาณิชย์ (BANK) ,ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON ) , เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) , สื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) , (ยานยนต์)AUTO ,พาณิชย์ (COMM) และวัสดุก่อสร้าง (CONMAT)
สำหรับหุ้นที่ปรับตัวลงมาลึกนับจากจีนเริ่มล็อกดาวน์ และคาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีในระยะถัดไป และราคายังปรับขึ้นไม่มาก เช่น STEC ราคาเป้าหมาย 13.10 บาท ,TFG ราคาเป้าหมาย 5.15 บาท ,SMT ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท, BBLราคาเป้าหมาย 131.00 บาท
ส่วนทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ช่วงที่เหลือปีนี้ มองว่า ฟันด์โฟลว์อาจยังไม่ไหลเข้ามากนัก เนื่องจากเฟดใช้นโยบายการเงิินตึงตัวมากขึ้นและหากไทยยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งยังต้องติดตามนโยบายดอกเบี้ยของกนง.ขึ้นดอกเบี้ยได้จริงหรือไม่ แต่เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาส3-4 ปีนี้ จากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ เป็นปัจจัยหนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า หลังจากจีนกลับมาทยอยเปิดเมืองหลัง คลายล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของโควิด และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ถ่านหิน , ยาง, อาหาร ที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาน่าสนใจในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามว่าสถานการณ์โควิดว่าจะกลับมาระบาดระลอกใหม่และจะล็อกดาวน์อีกหรือไม่ เพราะทางการจีนยังคงใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID อยู่ โดยหุ้นเด่นรับเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว แนะบมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ราคาเป้าหมาย 32 บาท รวมถึง บมจ.บ้านปู (BANPU) และ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER)ตลาดให้ราคาเป้าหมาย 14.75 บาทและ 10.57 บาท
นายอภิชาติ กล่าวว่า ส่วนทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) วันที่ 31 พ.ค. ซื้อสุทธิค่อนข้างมากนั้น มองว่าเป็นผลจาก MSCI Rebalance แต่หลังจากนี้แนวโน้มฟันด์โฟลว์จะชะลอตัวในระยะสั้น 2-3 เดือนข้างหน้า จากปัจจัยเฟดจะเริ่มลดงบดุลหรือทำคิวทีในเดือนมิ.ย.นี้ส่งผลให้ตลาดผันผวน
ทั้งนี้คาดว่าทั้งปีนี้ นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทย 200,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จากปัจจุบันเป็นยอดซื้อสุทธิ 140,000 ล้านบาท แล้ว และเมื่อเทียบสิ้นปีก่อน เป็นยอดขายสุทธิ 48,000 ล้านบาท จากมีปัจจัยบวกเปิดเมือง เศรษฐกิจฟื้น และราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูงเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มพลังงานและการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ยังต้องติดตามความชัดเจนนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท. คุมเงินเฟ้อ และ ค่าเงิน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า หุ้นไทยได้ปัจจัยหนุนมาจากรัฐบาลคลายล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ วันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา และ รัฐบาลจีนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง ฯลฯ
ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีน อาทิ PMI ภาคการผลิต เดือน พ.ค.ฟื้นตัว MOM KS ประเมินเศรษฐกิจจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยรวมแนะนำสะสมหุ้น และเก็งกำไร และหาจังหวะทำกำไร (Lock Profit) หากราคาเข้าใกล้สู่แนวต้าน และราคาทางพื้นฐาน
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จีนคลายล็อกดาวน์และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกที่เคยมีปัญหาด้านซัพพลายเชนก่อนหน้านี้ เช่นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น ทำให้บรรยากาศการลงทุนระยะสั้นกลับมาน่าตื่นเต้น หุ้นที่น่าสนใจได้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และภาคบริการ