พาณิชย์ ประกาศขึ้นทะเบียน 2 สินค้าจีไอใหม่
“สินิตย์ ”เปิดตัวสินค้าจีไอใหม่ 2 ตัว “ผ้าตีนจกโหล่งลี้ลำพูน - มะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ”หวังดึงอัตลักษณ์ชุมชนช่วยขับเคลื่อนฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เผยล่าสุดมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจีไอ ไทยแล้วรวม 158 สินค้า
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้าจีไอ(GI) เพิ่มอีก 2 สินค้า คือ ผ้าตีนจกโหล่งลี้ลำพูน และมะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ เป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค โดยการขึ้นทะเบียนจีไอ ได้ช่วยให้เกิดการคุ้มครองชื่อสินค้าท้องถิ่นไทยให้เป็นสิทธิเฉพาะของชุมชน มีการควบคุมรักษามาตรฐานของสินค้า สร้างความเชื่อมั่นในแหล่งต้นกำเนิดของสินค้าที่มีคุณภาพ และช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและสร้างรายได้ให้ชุมชนโดยเฉพาะสินค้าเกษตรกรรม และหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและผลิตในท้องถิ่นนั้น
สำหรับ “ผ้าตีนจกโหล่งลี้ลำพูน” เป็นผ้าซิ่นตีนจกทอจากเส้นฝ้าย จกด้วยมือชาวบ้านเกษตรกรอย่างประณีตตามกรรมวิธีดั้งเดิม องค์ประกอบของผ้า โดยมีองค์ประกอบของผ้า ได้แก่ แอวซิ่น (เอวซิ่น) ตัวซิ่น และตีนจก ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะพื้นถิ่น ผืนผ้าแน่นเรียบ เส้นฝ้ายไม่หลุดลุ่ย สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน กว่า 630,000 บาท/ปี
ในส่วนของ “มะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ” เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้พันธุ์น้ำดอกไม้เบอร์ 4 รสชาติหวานละมุน ไม่หวานแหลม มีกลิ่นหอม เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอมส้ม เนื้อละเอียด ไม่มีเสี้ยน เม็ดเล็กแบนลีบ มีผลทรงรี ด้านขั้วผลมีขนาดใหญ่ และเล็กลงที่ท้ายผลหรือปลายแหลม ผลสุกมีผิวสีเหลืองเข้ม หรือเหลืองทอง สร้างรายได้ให้เกษตรกรในจังหวัดสมุทรปราการ กว่า 42,000,000 บาทต่อปี
ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอ ให้กับสินค้าในท้องถิ่น ช่วยยกระดับสินค้าชุมชนให้เป็นสินค้าระดับพรีเมียม สร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยหลังจากขึ้นทะเบียนแล้ว กรมฯ ได้ผลักดันให้จังหวัดจัดทำระบบควบคุมมาตรฐานสินค้าและการอนุญาตให้ใช้ตราจีไอ ไทย เพื่อให้ชุมชนมีกระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ สินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน
รวมทั้งได้ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าจีไอไทย โดยการพัฒนาสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาดยุคใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าในโมเดิร์นเทรด และศูนย์การค้าชั้นนำ และตลาดออนไลน์ ตลอดจนเผยแพร่ข้อมูลของสินค้าจีไอผ่านช่องทางต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าจีไอ ไทยของทั้ง 77 จังหวัด รวม 158 สินค้า สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดได้มากกว่า 40,000 ล้านบาท