'เศรษฐกิจจีน' ทรุด กระทบศก.โลก- ไทย หวั่นพิษอสังหาฯซ้ำเติมวิกฤติระลอกใหม่
“กอบศักดิ์”แนะจับตาปัญหาอสังหาริมทรัพย์จีน หวั่นเป็นวิกฤติลูกใหม่ หลังจีนทยอยลดดอกเบี้ย ปล่อยสภาพคล่องสู้ระบบ ตรงข้ามธนาคารกลางหลายประเทศที่ขึ้นดอกเบี้ย ชี้อาจได้เห็นเศรษฐกิจจีนโตแค่2%ผลจากล็อกดาวน์–วิกฤติภาคอสังหาฯ คาดใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นสู่ปกติ
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย” จัดโดยกลุ่ม “เวทีสภาที่สาม” เมื่อเร็วๆนี้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเผชิญวิกฤติหลายด้านนอกจากวิกฤติเงินเฟ้อ และความขัดแย้งในยุโรปจากสงครามยูเครนและรัสเซียแล้วยังมีวิกฤติที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนซึ่งปัญหานี้เริ่มส่งสัญญาณของปัญหามาตั้งแต่ที่เกิดเรื่องการผิดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์เมื่อปีที่ผ่านมา
โดยสัญญาณของเศรษฐกิจนี้เห็นได้จากจีนเริ่มมีการลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจลงจากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ประมาณ8%ต่อปี ลดลงเหลือ7%และ6%ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าจากปัญหาการล็อกดาวน์เมืองขนาดใหญ่ที่กระทบกับการผลิต รวมทั้งปัญหาที่เกิดกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เป็นรายย่อยอาจทำให้เศรษฐกิจจีนในปีนี้ขยายตัวได้เพียง2%เท่านั้น
ทั้งนี้สัญญาณที่ชัดเจนอีกอย่างหนึ่งที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจีนกำลังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ก็คือ ธนาคารกลางของจีนธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว5ปี เหลือ4.45%จาก4.6%ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากสุดนับตั้งแต่ปี2019โดยการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ยังถือว่าเป็นการลดดอกเบี้ยสวนทางธนาคารกลางหลายประเทศที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อ
นายกอบศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน และเศรษฐกิจจีนมีการเติบโตที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเนื่องจากการเผชิญปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบไปด้วย รวมทั้งเศรษฐกิจไทยที่เราพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศจีนก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
ขณะที่ในส่วนของภาคการท่องเที่ยวที่คาดหวังว่าเมื่อสถานการณ์โควิด-19คลี่คลายแล้วจะมีการกลับมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนในไทยเป็นจำนวนมากอาจไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวัง เนื่องจากเศรษฐกิจของจีนต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาให้สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ในระยะเวลาหนึ่ง
“ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหานาน กว่าจะแก้หนี้เสียที่มีได้ จีนยังไม่เคยเจอปัญหาวิกฤติลักษณะนี้ ทำให้มีการลงทุนที่ขยายไปมาก เมื่อเจอปัญหาอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นตัว
โดยก่อนหน้านี้หลายประเทศใช้เวลานานในการแก้ไขปัญหาโดยสหรัฐฯเคยเจอปัญหาต้องใช้เวลา5ปี ยุโรปใช้เวลา10ปี และไทยใช้เวลา5ปี กว่าจะพ้นวิกฤติได้คาดว่าจีนเองก็ต้องใช้เวลาหลายปีในการสะสางปัญหานี้เช่นกัน”นายกอบศักดิ์ กล่าว