'กรณ์' คาด กนง.ประชุมฉุกเฉิน ขึ้นดอกเบี้ยสะกัดเงินไหลออก
'กรณ์' คาด กนง.ประชุมฉุกเฉิน ขึ้นดอกเบี้ยสะกัดเงินไหลออก หนุนเร่งแก้เงินเฟ้อก่อนเศรษฐกิจพัง ชี้หากปล่อยบาทอ่อนกระทบการนำเข้าน้ำมัน เสี่ยงขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ชี้เศรษฐกิจไม่ดีอีกยาวเหตุปัญหายืดเยื้อแนะรัฐบาลเตรียมแผนรับมือ
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่าจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น 0.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา สู่ระดับ 1.5%-1.75% ทำให้มีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยจะเรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโนบายของไทยเพื่อไม่ให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยนโยบายระหว่างดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐฯแตกต่างกันมากเกินไป
“การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯครั้งเดียวที่ระดับ 0.75% ทำให้ กนง.ต้องคิดว่าจะเรียกประชุมฉุกเฉินหรือไม่ เพราะว่าการประชุมที่จะเกิดขึ้นครั้งต่อไปคือเดือน ส.ค.หรืออีกหนึ่งเดือนกว่าเป็นระยะเวลาที่นานเกินไป การตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้เพื่อป้องกันเงินทุนไหลออก และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับเพิ่มขึ้นไปถึงประมาณ 2% ในช่วงกลางปีหน้า”นายกรณ์กล่าว
ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งที่ กนง.ต้องตัดสินใจในเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเพราะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากเงินทุนไหลออก ที่จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนต่อเนื่อง และจะกระทบกับการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศที่หากเงินบาทอ่อนต้องใช้เงินตราต่างประเทศในการนำเข้าน้ำมันมากขึ้นก็จะกระทบกับดุลบัญชีเดินสะพัดได้
นายกรณ์ กล่าวว่าแม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้บ้าง แต่เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเผชิญความไม่แน่นอนสูงที่จะทำให้เศรษฐกิจไม่ดีไปอีกนาน และเมื่อเจอภาวะของเงินเฟ้อไปก็จะทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจทำได้ยากมากขึ้น
ดังนั้น ในขณะนี้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเงินเฟ้อก่อน สกัดเงินเฟ้อให้อยู่แล้วค่อยดูเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่มีผลกระทบตามมาจากการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
“ในทุกวิกฤติไม่เหมือนกัน ขึ้นกับสถานการณ์ว่าจะคลี่คลายอย่างไร ในเรื่องของเงินเฟ้อถ้ายืดเยื้อไปก็แก้ยาก แต่หากเกิดปัญหาแบบที่ให้ทุกอย่างชะงักงันไปเลยก็จะเกิดผลกระทบรุนแรงกับเศรษฐกิจแต่ทุกอย่างก็จะปรับลดลงมารวมทั้งเงินเฟ้อด้วยซึ่งรัฐบาลต้องมีแผนที่จะรองรับไว้ทุกรูปแบบ”นายกรณ์กล่าว