ธุรกิจความงาม-อีคอมเมิร์ซ ยังแรงต่อเนื่อง
ม.หอการค้าไทยเผย 10 ธุรกิจดาวรุ่ง ครึ่งปีหลัง “ธุรกิจความงาม-อีคอมเมิร์ซ-ธุรกิจทางการแพทย์”ยังโดดเด่น เผยกระแสชัชชาติ สลากดิจิทัล เปิดประเทศ ดันธุรกิจด้านจิดิทัลโดดเด่น จับตา ธุรกิจ E-Sports เริ่มแรงจากแนวโน้มตลาดเติบโต
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าได้ทำการจัดอันดับ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง ครึ่งปีหลัง 2565 พบว่า จากการเปิดประเทศ และกระแสผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ เริ่มปฏิบัติงานและความต้องการซื้อสลากดิจิทัลแรงได้รับการตอบรับล้นหลาม ทำให้คนเข้าถึงแอปพลิเคชั่นมากขึ้น จึงเป็นตัวเร่งกระแสดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกระแสกัญชงและกัญชาทำให้เกิดคนรุ่นใหม่จะหันมาทำธุรกิจผ่านสื่อด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น ทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มากขึ้น จึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ครึ่งปีหลังมี 10 ธุรกิจโดดเด่นขึ้น คือ 1. ธุรกิจการแพทย์และความงาม และธุรกิจ e-commerce (ธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์)ยังคงเป็นธุรกิจดาวรุ่งต่อเนื่อง เนื่องจากกระแสการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ การกินอาหารเพื่อสุขภาพ การเข้ามาลงทุนและการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีใหม่มาปรับใช้ในปัจจุบัน รวมทั้งการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากสถานการณ์โควิด มีการปรับลดการใช้จ่ายผ่านหน้าร้าน มาเป็นการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มมากขึ้น
ส่วนธุรกิจอันดับ 2 เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม (ธุรกิจตัวกลางหรือตลาดกลางด้าน อิเล็กทรอนิกส์)และธุรกิจโลจิสติกส์ delivery และคลังสินค้า ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในแบบนิวนอร์มอล หันมาใช้บริการผ่านทางออนไลน์มากขึ้น การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซทำให้ความต้องการใช้บริการขนส่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้น 3.ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต และธุรกิจอาหารเสริมและสุขภาพ ตามมาด้วยอันดับ 4.เป็นธุรกิจ E-Sports และธุรกิจ Social Media และ Online Entertainmentซึ่งเป็นธุรกิจที่เริ่มมาแรงเนื่องจากตลาดเกมมิ่งและอีสปอร์ตเติบโตต่อเนื่องในกลุ่มเจน Zและวัยทำงาน และยังเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อีกช่องทางหนึ่ง
ส่วนอันดับ5 .เป็นธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจ youtuber influencerและการ รีวิวสินค้าและ ธุรกิจMedia ธุรกิจสื่อโฆษณา 6.ธุรกิจเวชภัณฑ์ยา ธุรกิจการขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และ ทางการแพทย์ และธุรกิจธุรกิจด้าน fintech และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี และธุรกิจงานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้ำ ธุรกิจ event7.ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน 8.ธุรกิจ Modern Trade/ร้านค้าปลีกสมัยใหม่และธุรกิจสมุนไพรไทย เช่น กัญชง กัญชา ใบกระท่อม9.ธุรกิจสถานบันเทิงและธุรกิจยานยนตร์10.ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์แนวราบและธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
“10 ธุรกิจเด่นในครึ่งปีหลังมาจากกระแสการเปิดประเทศ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. สลากดิจิทัล น้ำมันแพงทำให้คนไม่ออกจากบ้าน เดินทางน้อยลง หาความสุขในบ้านมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การซื้อของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เดลิเวอรี่youtuber influencer ธุรกิจ E-Sports ซึ่งหตุผลดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นที่ต้องการจึงเป็นส่วนหนุนให้10 ธุรกิจดังกล่าวยังแรงในครึ่งปีหลัง”นายธนวรรธน์ กล่าว
ส่วน10ธุรกิจดาวร่วง ประกอบด้วย 1.ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร 2.ธุรกิจฟอกย้อม 3.ธุรกิจหัตถกรรมที่ไม่มีการออกแบบและราคาถูก 4.ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ และวารสาร 5.ธุรกิจรับส่งสื่อสิ่งพิมพ์ตามบ้านและสถานที่ทำงาน 6.ธุรกิจโรงพิมพ์/การพิมพ์ เช่น หนังสือ แผ่นพับ 7.ธุรกิจคนกลางและธุรกิจผลิตและขายต้นไม้/ดอกไม้ประดิษฐ์ 8.ธุรกิจ call center และธุรกิจเครื่องปั้นดินเผา และเซรามิก 9.ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไร้ฝีมือ หรือเสื้อผ้าโหล และ 10.ธุรกิจร้านเช่าหนังสือ ขายหนังสือ และธุรกิจร้านถ่ายรูป
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ มองเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น ซึ่งหลายปัจจัยที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศทำให้ธุรกิจต่างๆเริ่มขานรับโดยเฉพาะธุรกิจบริการและท่องเที่ยวที่จะดีขึ้นหลังจากนี้ ซึ่งทำให้คนเริ่มจับจ่ายใช้สอยซื้อหาสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ บ้านในแนวราบ และอื่นๆ เพื่อสอดรับกับเศรษฐกิจที่จะกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ ประกอบกับในช่วงปลายปีไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆฟื้นตัว นอกจากนี้การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ไม่ต้องกักตัว ยกเลิกระบบ Test&Go รวมถึงการเปิดข้อกฎหมายปลดล็อกกัญชา-กัญชง ช่วยสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและผู้ประกอบไทยหน้าใหม่