TNP ปรับประมาณการกำไรปี 65 ลงสู่ 168 ลบ. หดตัว 12%YoY จากฐานสูงในปีก่อน

TNP ปรับประมาณการกำไรปี 65 ลงสู่ 168 ลบ. หดตัว 12%YoY จากฐานสูงในปีก่อน

 กำไรงวด 1Q65 เท่ากับ 36 ลบ. (ต่ำคาด 27%) -37%YoY -33%QoQ: บริษัทรายงานรายได้งวด 1Q65 หดตัวลงสู่ 588 ลบ. -21%YoY - 15%QoQ (ต่ำคาด 14%) โดยรายได้หดตัวทั้ง oY QoQ และ SSSG ลดลง21.8%YoY

เนื่องจากฐานสูง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐค่อนข้างเยอะในช่วง 1Q64 ซึ่งมีวงเงินเฉลี่ยต่อคนราว 7-8 พันบาท เทียบกับช่วง 1Q65 มีวงเงินเฉลี่ยต่อคนเพียง 1.2-1.3 พันบาท (Table1) นอกจากนี้ ช่วง 1Q65 บริษัทไม่มีการเปิดสาขาใหม่ ซึ่งยังคงมีจำนวนสาขาทั้งหมด 38 สาขา แบ่งเป็น 37 สาขาค้าปลีก และ 1 สาขาค้าส่ง (Figure2) ขณะที่ %GPM อยู่ที่ระดับ 17.0% ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 17.4% ส่วน %SG&A ปรับขึ้นมาที่ระดับ 10% จากคาดที่ระดับ 9% เนื่องจากรายได้ที่ลดลง ส่งผลให้งวด 1Q65 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 36 ลบ. -37%YoY -33%QoQ (ต่ำคาด 27%)
 

TNP ปรับประมาณการกำไรปี 65 ลงสู่ 168 ลบ. หดตัว 12%YoY จากฐานสูงในปีก่อน

•    ปรับประมาณการกำไรปี 65 ลดลง 28% สู่ 168 ลบ. -12%YoY เราปรับประมาณการรายได้และกำไรปี 65 ลดลง 17% สู่ 2,406 ลบ. -8%YoY และ 168 ลบ. -12%YoY ตามลำดับ เนื่องจากบริษัทรายงานรายได้และกำไรงวด 1Q65 ต่ำกว่าคาด 14-28% ตามลำดับ เนื่องจากฐานสูงในปีก่อน โดยช่วง 1Q64 จะเป็นช่วงที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากสุด และค่อยทยอยลดลงในไตรมาสที่เหลือของปี 64 ดังนั้น ผลประกอบการช่วงที่เหลือของปี 65 จะได้รับผลกระทบจากฐานสูงในปีก่อนไม่มาก เทียบกับงวด 1Q64 นอกจากนี้ บริษัทยังคงแผนขยายสาขาใหม่ในปีนี้ทั้งหมด 6 สาขา สู่ทั้งหมด 44 สาขา ซึ่งจะแบ่งเปิดในช่วง 2-4Q65 ไตรมาสละ 2 สาขา และแผนการขยายช่องทางขายใหม่ในแพลตฟอร์ม Lazada (เริ่มช่วง 2Q65) จะมาช่วยชดเชยรายได้บางส่วนที่หายไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี เราปรับสมมติฐาน %SG&A ขึ้นมาที่ระดับ 9.5% (จากเดิมคาด 9%) เนื่องจากรายได้ที่อ่อนตัวลง ทำให้เกิด Diseconomies of Scale

•    คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายปีนี้ลงสู่ 5.80 บาท เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 65 ของ TNP ลงสู่ 5.80 บาท จากเดิม 7.20 บาท โดยคงอิง Prospective PER ที่ระดับเดิม 27.5x ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ระดับ 33.1x โดยเราปรับลดราคาเป้าหมายปีนี้ลง เนื่องจากปรับลดคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 65 ลงสู่ 0.21 บาท จากเดิมคาด 0.26 บาท อย่างไรก็ดี ราคาเป้าหมายยังคงมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน ส่งผลให้เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

ปัจจัยเสี่ยง

i) แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก
ii) แผนการขยายสาขาไม่เป็นไปตามเป้า
iii) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเริ่มชะลอลง
iiii) ภาครัฐหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ