"พลังงาน" เสนอผ่อนอุดหนุนราคาพลังงานเหลือ 1 ใน 3 จากคนละครึ่ง

"พลังงาน" เสนอผ่อนอุดหนุนราคาพลังงานเหลือ 1 ใน 3 จากคนละครึ่ง

“พลังงาน” แง้มเสนอผ่อนคลายการอุดหนุนราคาพลังงานเหลือ 1 ใน 3 จากคนละครึ่ง แต่ยังเน้นช่วยกลุ่มเปราะบางมากขึ้น ยังมีหวังเจรจาขอกู้เงินชัดเจนกลางเดือนก.ค.นี้

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่มีความยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานตลาดโลกรวมถึงไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคงถึงเวลาแล้วที่ต้องทบทวนแนวทางการอุดหนุนราคาพลังงานในประเทศให้มีความเหมาะสมมากขึ้น จากปัจจุบันที่รัฐบาลมีนโยบายให้อุดหนุนราคาเหลือครึ่งหนึ่ง เพื่อตรึงราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 35 บาท จากก่อนหน้านี้ให้กองทุนอุดหนุน 100% เพื่อตรึงไว้ไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท

ทั้งนี้ รัฐบาลคงต้องหาเงินมาช่วยสนับสนุนกองทุนน้ำมัน เพราะยอมรับว่าจากนี้ไปสถานะของกองทุนจะติดลบต่อเนื่องตราบใดที่รัฐบาลยังมีนโยบายอุดหนุนราคาพลังงาน ทั้งที่ยังไม่มีเงินจากแหล่งไหนเข้ามาเสริมสภาพคล่อง ขณะที่กองทุนได้ทยอยผ่อนคลายการอุดหนุนมาเป็นระยะๆ แต่ยังคงมาตรการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางต่อเนื่อง และควรเน้นความช่วยเหลือให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างพ่อค้า แม่ค้า ผู้มีรายได้ และอุตสาหกรรมภาคขนส่งที่มีผลต่อราคาสินค้าให้สามารถซื้อเชื้อเพลิงได้ในราคาถูกกว่าในตลาด

อย่างไรก็ตาม ระยะต่อไปอาจต้องมีการทบทวนมาตรการให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ราคาพลังงานตลาดโลกที่ผันผวนสูงให้มากขึ้น แต่ไม่ถึงกับการปล่อยลอยตัว เพราะจะกลายเป็นการสร้างปัญหาหนักเกินไป เช่น อาจปรับลดการอุดหนุนเหลือ 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 ของราคาเชื้อเพลิงได้หรือไม่ จากปัจจุบันอุดหนุนอยู่ครึ่งหนึ่ง ส่วนประชาชนที่มีกำลังซื้อสูงกว่ารัฐอาจช่วยเหลือในเรื่องการให้ส่วนลดผ่านโครงการต่างๆ เช่น ชิมช้อป ใช้ หรือเที่ยวด้วยกัน ต่อไปเป็นต้น

 ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนมีสถานะติดลบ 102,586 ล้านบาท โดยกองทุนอุดหนุนราคาดีเซลลิตรละ 11.07 บาท ไม่ให้เกินลิตรละ 35 บาท ครึ่งหนึ่งของราคาจริงควรจะอยู่ที่ลิตรละ 46.01 บาท ถือเป็นการอุดหนุนในอัตราที่ลดลงจากก่อนหน้านี้ลิตรละ 12-13 บาท คิดเป็นเงินไหลออกจากกองทุนวันละประมาณ 700 ล้านบาท หรือเดือนละประมาณ 20,000 ล้านบาท ส่วนก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ก็ได้ปรับขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาททุกเดือน ทำให้กองทุนอุดหนุนแอลพีจีวันละ 47 ล้านบาท หรือเดือนละประมาณ 1,400 ล้านบาท

“กองทุนยังติดตาม และประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากข้อมูลจริงวันนี้ราคาดีเซลมีโอกาสปรับขึ้นไปอยู่ที่ลิตรละ 36 บาทได้ แต่กองทุนก็เข้าใจดี จึงต้องช่วยแบ่งเบาภาระความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งอยากให้เน้นเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้ได้มากที่สุด แต่จะมีการปรับเพดานอุดหนุนหรือราคาขายปลีกหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ เพราะผู้ค้าน้ำมันอาจมีการกักตุนน้ำมันหากทราบว่าจะมีการปรับราคาขึ้นหรือลงล่วงหน้า เพราะฉะนั้นต้องประเมินสถานการณ์กันวันต่อวัน”

สำหรับความคืบหน้าการหาเงินมาเสริมสภาพคล่องของกองทุน เพื่ออุดหนุนราคาพลังงานว่าขณะนี้แนวทางต่างๆ อยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งในส่วนของการขอกู้เงินจากสถาบันการเงินนั้น ได้พูดคุยถึงข้อห่วงใยต่างๆ จนสามารถบรรลุข้อตกลงทุกอย่างได้ลงตัวหมดแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้ หรือประมาณกลางเดือนก.ค. โดยกองทุนยังยืนยันขอกู้ที่วงเงิน 20,000 ล้านบาท ตามความจำเป็น และเหมาะสม เพราะกองทุนยังมีเงินที่ฝากไว้กับกระทรวงการคลังและธนาคารกว่า 3,300 ล้านบาท และเงินที่ต้องชำระผู้ค้ามาตรา 7 หมุนเวียนใช้อีกวันละประมาณ 79.50 ล้านบาท โดยที่กองทุนไม่ได้ผิดนัดค้างชำระแต่อย่างใด

ส่วนความคืบหน้าเรื่องการนำกำไรส่วนเกินของโรงกลั่นมาเสริมสภาพคล่องกองทุนนั้น สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) อยู่ระหว่างดำเนินการเจรจา ซึ่งต้องติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ค่าเงิน อัตราเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบการพิจารณาดำเนินมาตรการดูแลราคาพลังงานในประเทศ ซึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานทำหน้าที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ เพื่อผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์