อีอีซี ต้อนรับคณะหอการค้าฯ ซาอุดิอาระเบีย ดึงลงทุนดิจิทัล การแพทย์ EV
สกพอ. ต้อนรับหอการค้าซาอุดิอาระเบียและนักธุรกิจกว่า 100 ราย เชื่อมโยงการลงทุน และขยายการค้าในอีอีซี เน้นอุตสาหกรรมพลังงาน การแพทย์ อาหาร เกษตรแปรรูป และการท่องเที่ยว คาดปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวซาอุฯ เยือนไทยกว่า 2 แสนคน พร้อมเพิ่มมูลค่าการค้าอีกหลายหมื่นล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ให้การต้อนรับคณะจากหอการค้ามณฑลริยาด ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียกว่า 100 คน นำโดยนายคารีม อัลอันซี่ (Mr. Krayem Alenezi) หัวหน้าคณะนักธุรกิจในการมาเยือนพื้นที่อีอีซีครั้งนี้ โดย สกพอ.ได้จัดกิจกรรม “EEC Business Forum” ซึ่งมีการบรรยายถึง ความก้าวหน้าภาพรวมในด้านต่างๆ ของพื้นที่อีอีซี และการสร้างความร่วมมือกับซาอุฯ ในระยะถัดไป รวมทั้งเปิดโอกาสให้นักธุรกิจของไทย ได้นำเสนอและเจรจาจับคู่ทางการค้ากับนักธุรกิจซาอุฯ ที่เดินทางมาในโอกาสนี้ด้วย
ทั้งนี้ คณะหอการค้ามณฑลริยาด จากซาอุฯ ได้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี หลังจากความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ซาอุฯ ได้กลับสู่ระดับปกติ นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนซาอุฯ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 และการไปเยือนเพื่อต่อยอดของภาครัฐและภาคเอกชนไทย นำโดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีคณะจากอีอีซีเข้าร่วม ระหว่างวันที่ 15-19 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา
ซึ่งได้สร้างโอกาสทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุนและการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี กระชับความสัมพันธ์ของประชาชนทั้งสองประเทศ กระตุ้นด้านการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากซาอุฯ เดินทางมาประเทศไทยต่อเนื่อง สร้างรายได้ภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพื่อฟื้นเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวว่า นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ที่อีอีซี ได้ให้การต้อนรับคณะหอการค้ามณฑลริยาด จากซาอุฯ ดังกล่าว ซึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทางซาอุฯ สนใจ เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัลนวัตกรรมขั้นสูง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูป อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า EV ที่จะขับเคลื่อนบริบทเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG เป็นต้น
รวมทั้ง จะเป็นอีกกลไกสำคัญเพื่อจูงใจนักลงทุนจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ให้เข้าสู่พื้นที่อีอีซีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนทั่วโลกต่อเนื่อง เพื่อช่วยขับเคลื่อนแผนการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ระยะ 2 ในอีก 5 ปีข้างหน้า (2565 – 2569) ที่อีอีซี ได้ตั้งเป้าหมายการลงทุนรวม 2.2 ล้านล้านบาท ทำให้มูลค่าการลงทุนในอีอีซี เพิ่มขึ้นประมาณ 400,000 ล้านบาท/ปี (จากเดิม 300,000 ล้านบาท/ปี) เป็นกลไกหลักผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพ 4.5 – 5% ต่อปี พร้อมส่งผลให้ไทยพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ก้าวสู่ประเทศพัฒนา และคนไทยมีรายได้สูงขึ้นได้ในปี 2572
พร้อมกันนี้ คณะหอการค้ามณฑลริยาด จากซาอุฯ ยังได้เข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงานภายใน โรงงาน บมจ. เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จ.ระยอง หรือ SNC ซึ่งเป็นต้นแบบโรงงานอุตสาหกรรม 4.0 ภายในพื้นที่อีอีซี โดยกลุ่มนักธุรกิจจากซาอุฯ ได้ให้ความสนใจศึกษาในส่วนของ โรงงานที่ใช้นวัตกรรมเครื่องจักรที่ควบคุมด้วยระบบดิจิทัล กลุ่มแปรรูปอาหารและเทคโนโลยีห้องเย็น การทดสอบและผลิตยานยนต์ไฟฟ้า EV และในส่วนของการจัดแสดงผลไม้ ผลิตภัณฑ์ชุมชนโอทอป และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง