‘หมาก’ ไทยบูม จีนแห่ออเดอร์จำนวนมาก!!
“หมาก”พืชสมุนไพรพื้นบ้านปัจจุบันกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนจำนวนมาก ถึงขั้นมาตั้งล้งรับซื้อภายในจังหวัดพิจิตร แต่ผลผลิตก็ยังไม่เพียงพอ
ที่จังหวัดพิจิตร หมากพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ตั้งแต่โบราณ กำลังเป็นที่ต้องการของประเทศจีนเป็นอย่างมาก ถึงขั้นมาตั้งล้งรับซื้อที่จังหวัดพิจิตร โดยแต่ละปีมีออเดอร์กว่า 140 ตัน แต่กลับหาผลผลิตได้เพียง 10 กว่าตั้นเท่านั้น โดยประเทศจีน จะรับซื้อหมาก จากประเทศไทย แล้วนำไปอบให้แห้งที่ประเทศเวียดนาม แล้วจึงนำเข้าไปแปรรูปที่ประเทศจีน เป็นผลิตพันธ์ที่ออกมาหลากหลายยี่ห้อ หลายหลายรสชาติ เป็นของเคี้ยวเล่นคล้ายหมากฝรั่ง หรือการเคี้ยวหมากของผู้สูงอายุ แต่ที่เปลี่ยนไปคือรสชาติ ที่มีหลากหลายทั้งคาราเมล รสมิ้นท์ รสกาแฟ และรสชาติอื่นๆ ดดยการเคี้ยวหมากปรุงแต่ง จะช่วยให้เพลิดเพลิน และยังช่วยเป็นการรักษาความสะอาดของปาก จากสมุนไพรอ่อนๆที่มีอยู่ในตัวหมาก แต่ไม่ต้องบ้วนน้ำหมากให้สกปรกเหมือนในอดีต ซึ่งประเทศที่นิยมรับประทานหมากแปรรูปนี้จะขายดีในประเทศจีน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
นายเจริญ ทองหลอม อดีตข้าราชการบำนาญสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า หมากถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นที่ต้องการของประเทศจีนจำนวนมาก แต่ประเทศไทย ไม่สามารถหาผลผลิตมาป้อนตลาดได้อย่างพอเพียง ทำให้ในขณะนี้ต้องเร่งส่งเสริมให้เกษตรกร ปลูกหมากจำนวนมากขึ้น โดยพื้นที่ปลูกหมากก็สามารถปลูกผสมผสานกับพืชอื่นๆ รวมถึงหัวไร่ปลายนาก็สามารถปลูกได้ และยังไม่ต้องมีการบำรุงษาและไม่มีโรคแมลงมารบกวน
ผลหมากที่ประเทศจีน ต้องการ ต้องการหมากที่มีสายพันธ์ตูดแหลม ซึ่งหมากที่พบในประเทศไทยมี 2 สายพันธ์คือแบบผลกลมและผลแหลม โดยในขณะนี้มีการปรับปรุงสายพันธ์ให้ตรงกับความต้องการของประเทศจีน โดยใช้ชื่อสายพันธ์ว่าหมากโกอินเตอร์ โดยจะตัดหมากในขณะที่ยังอ่อน และทางล้งรับซื้อในราคา กิโกลกรัมละ 55-60 บาท ชั่งทั้งทลาย ทลายหนึ่งน้ำหนักจะประมาณ 4-8 กิโลกรัม โดยผลหมากทางผู้รับซื้อจะเป็นผู้ที่มาขึ้นและเก็บผลผลิตเอง โดยการปลูกหมากจะใช้เวลาประมาณ 3 ปีก็จะเริ่มเก็บผลผลิตได้ ในขณะที่กาบใบของหมาก ก็ขายได้เช่นกันเนื่องจากมีโรงงานในประเทศไทยที่มีความต้องการนำไปต่อยอดเป็น ถ้วยชาม อุปกรณ์ใส่อาหาร ที่ทำจากกาบหมาก