จับตาการปรับประมาณการกำไร และการส่งสัญญาณลดภาษีของไบเดน 

จับตาการปรับประมาณการกำไร และการส่งสัญญาณลดภาษีของไบเดน 

มีโอกาสที่สหรัฐฯ จะปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อ ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราให้นักลงทุนจับตาการใกล้ครบกำหนดของคำสั่งเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ที่เริ่มใช้ตั้งแต่สมัยประธานาธิปดีทรัมป์

เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิปดีไบเดน จะพิจารณายกเลิกการเก็บภาษีทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อ เราคาดการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญถึงตลาดและนักลงทุนเกี่ยวกับความพยายามรับมือเงินเฟ้อ และจะช่วยลดความกังวลของตลาดต่อคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐฯ มิ.ย.ที่จะประกาศ 13 ก.ค. ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 8.8% สูงกว่าเดือนก่อนที่ 8.6% และน่าจะเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง // เรามองการลดภาษีดังกล่าวเป็นบวกต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายของเฟด ซึ่งบวกต่อภาพรวมการลงทุน ขณะที่หุ้นจีนน่าจะได้อานิสงค์ที่ดี บวกต่อ DR และ ETF ที่อิงหุ้นจีน อาทิ BABA80, TENCENT80 และ CHINA 
 

ผลกระทบความกังวลเกี่ยวกับการระบาดโควิดระลอกใหม่ต่อหุ้นกลุ่มต่างๆ กระทรวงสาธารณสุขคาดการระบาดของสายพันธ์ BA.4 และ BA.5 จะทำให้จำนวนผู้ป่วยในช่วง 10 สัปดาห์หน้าเพิ่มขึ้น แต่จะไม่มากเท่าการระบาดของโอไมครอน เรามองสถานการณ์กระทบต่อหุ้นกลุ่มต่างๆดังนี้ 1) กลุ่มร.พ. การตรวจ RT-PCR และรายได้จากการรักษาที่เพิ่มขึ้นช่วยชะลอแนวโน้มกำไรของกลุ่มที่ค่อยๆกลับสู่ปกติ (Normalization) และเป็นปัจัยบวกต่อการเก็งกำไรระยะสั้น ในหุ้น BCH, CHG, RAM เป็นต้น 2) กลุ่มประกัน แม้ประกันเจอ-จ่าย-จบ จะหมดไปแล้ว แต่กลุ่มประกันชีวิตและประกันสุขภาพ จะมีความเสี่ยงค่าใช้จ่ายการเคลมประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้นได้ 3) กลุ่มท่องเที่ยว เปิดประเทศ และเปิดเมือง ช่วงสั้นอาจเผชิญแรงขายทำกำไรจากความกังวลการระบาดระลอกใหม่ แต่เรามองการปรับลดลงเป็นโอกาสทยอยสะสมที่ดีในหุ้น MINT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA
 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN  5) หุ้นประกัน TIPH, BLA, TVI, THREL (แค่เก็งกำไรรับไทยประกันเข้า IPO) 6) หุ้นพลังงาน-ปิโตรที่ไม่กระทบจากการขอความร่วมมือ IVL, OR 7) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA

 

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,550-1,577 จุด การแพทย์อาจฟื้นช่วงสั้น ท่องเที่ยวอาจมีแรงกำไรแต่เป็นโอกาสซื้อ ทยอยสะสมเมื่ออ่อนตัวในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นในช่วงครึ่งหลัง (กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก การเงิน) และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน (DR และ ETF อิงหุ้นจีน) //หุ้นแนะนำ:  BCH*, BABA80*,  ADVANC, CBG*

แนวรับ: 1,550-1,557 / แนวต้าน : 1,577 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

ประเด็นการลงทุน

เฟดส่งสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยแล้ว หลัง GDP Q2/65 หดตัวแรงกว่า Q1 - เฟดสาขาแอตแลนตาเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.1% ในไตรมาส 2/65 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยูโรโซนต่ำสุดรอบ 2 ปีในเดือนก.ค. - ร่วงลงสู่ระดับ -26.4 จากระดับ -15.8 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ -19.9

คลองสุเอซเผยรายได้พุ่งเป็นประวัติการณ์ - สำนักงานคลองสุเอซ (SCA) ของอียิปต์ เปิดเผยว่า SCA มีรายได้พุ่งขึ้น 20.7% สู่ระดับ 7 พันล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2021/2022 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

เงินเฟ้อเกาหลีใต้พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 24 ปี คาดหนุนแบงก์ชาติขึ้นดบ.ต่อ - ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 24 ปี เนื่องจากต้นทุนพลังงานและอาหารปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งอุปสงค์ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

กกร.ปรับกรอบ GDP ปีนี้โต 2.75-3.5% จากเดิม 2.5-4% – คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีมติปรับกรอบคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 65 มาอยู่ที่ 2.75-3.5% จากเดิมเมื่อเดือน มิ.ย. เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ท่ามกลางความเสี่ยงที่รุมเร้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ กกร. ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ เป็น 5-7% จากเดิม 3-5.5% และมูลค่าส่งออกไทยปีนี้ เป็น 5-7% จากเดิม 3-5% เนื่องค่าเงินบาทมีการอ่อนค่าลงมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว

เงินเฟ้อไทย – พาณิชย์แถลงเงินเฟ้อ มิ.ย. คาด 7.5-7.6% (Bloomberg concensus 7.45%) ซึ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี ขณะที่ตัวเลขพ.ค.อยู่ที่ 7.1%

 

ประเด็นติดตาม: 6 ก.ค. – อาจเห็นการยกเลิกคำสั่งปธน.เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน, FOMC Meeting Minutes / 8 ก.ค. – US Nonfarm Payrolls, US Participation Rate, US Unemployment Rate, ECB President Lagarde Speaks / 13 ก.ค. - US CPI / 13-20 ก.ค. - รายงานงบกลุ่มแบงก์

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)