"คลัง" เบรกเงินกู้กองทุนน้ำมัน แนะรัฐบาลเร่งดึง "กำไรค่ากลั่น" พยุงฐานะ

"คลัง" เบรกเงินกู้กองทุนน้ำมัน แนะรัฐบาลเร่งดึง "กำไรค่ากลั่น" พยุงฐานะ

“พลังงาน” ดิ้นหาเงินกู้เสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน สบน.ตรวจสอบสถานะ ชี้ติดลบ 1 แสนล้าน แบงก์เมินปล่อยกู้ รอรัฐเคาะแผนช่วย เผยกระแสเงินสดเหลือแค่ 3.6 พันล้าน ลดจ่ายผู้ค้ามาตรา 7 เหลือเดือนละ 2 พันล้าน ‘สุพัฒนพงษ์’ ยันสำรองน้ำมัน-ก๊าซพอรับวิกฤติ ชี้สำรองน้ำมัน 60-70 วัน

กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระในการอุดหนุนดีเซลและแอลพีจีอยู่ในระดับสูง โดยนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซียและยูเครนทำให้การอุดหนุนราคาพลังงานในช่วง 4 เดือน ที่ผ่านมา (มี.ค.-มิ.ย.) กองทุนน้ำมันอุดหนุนติดลบเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละประมาณ 20,000 ล้านบาท และทำให้สถานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 3 ก.ค.2565 ติดลบ 107,601 ล้านบาท

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้กระทรวงพลังงานประเมินว่าหากไม่มีการเพิ่มสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมัน หรือยังคงอุดหนุนราคาพลังงานในระดับปัจจุบันจะทำให้กองทุนติดลบ 200,000 ล้านบาท ในช่วงปลายปี 2565

ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานดำเนินการตามแผนเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการหรือเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไปของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) วงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูปแบบ Credit line ให้กองทุนน้ำมันนำไปชดเชยราคาน้ำมันขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 16 พ.ย.2564

ในขณะที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำกรอบการบริหารจัดการหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ 2566 โดยได้หารือทุกหน่วยงานที่มีแผนการก่อหนี้ เพื่อขอรับทราบรายละเอียดการกู้เงิน ซึ่งจะพิจารณาว่าแต่ละแห่งกู้เงินได้เท่าใดเพื่อไม่ให้เกินกรอบหนี้สาธารณะ ซึ่งวานนี้ (5 ก.ค.) ได้หารือประเด็นดังกล่าวกับ สกนช. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้รายงานความคืบหน้าการเพิ่มสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมัน ประกอบด้วย

1.การขอให้โรงกลั่นน้ำมันจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งมาเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

2.การออกระเบียบให้โรงแยกก๊าซนำส่งรายได้จากส่วนต่างของราคาก๊าซให้กองทุนน้ำมันซึ่งที่ผ่านมารายได้ส่วนนี้ได้ถูกยกเว้นไม่มีการจัดเก็บ

ทั้งนี้ การเพิ่มสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันมีความสำคัญต่อแผนการกู้เงินสถาบันการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย ซึ่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเจรจาขอกู้ต้องการทราบกระแสเงินสดของกองทุน หรือความสามารถในการชำระหนี้ตามเวลาที่กำหนดของกองทุน โดยความสามารถในการชำระหนี้ของกองทุนขึ้นกับแหล่งที่มาของเงินที่จะเสริมสภาพคล่องจากแหล่งใด รวมทั้งมีการพิจารณาถึงความสม่ำเสมอของเงินที่เข้ามาเสริมสภาพคล่อง

สถานะกองทุนกระทบกู้เงิน

"หากสถาบันการเงินมีความมั่นใจประเด็นดังกล่าวจะทำให้สถาบันการเงินพิจารณาเรื่องการขอกู้ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ ครม.อนุมัติกรอบไว้ 30,000 ล้านบาท และกำลังกู้ก้อนแรก 20,000 ล้านบาท

แหล่งข่าว กล่าวว่า ปัจจุบันตัวกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบ 107,601 ล้านบาท เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นและตัวกองทุนต้องเข้าไปพยุงราคาดีเซลในเพดานราคาไม่เกินลิตรละ 35 บาท

สำหรับการเสนอให้รัฐบาลจัดสรรงบกลางมาเสริมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ ครม.มีมติให้ สกนช.และสำนักงบประมาณหารือกันเพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องให้กองทุนระหว่างที่รอเงินกู้จากสถาบันการเงิน โดยตามมาตรา 6(2) แห่ง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ระบุให้รัฐบาลอาจจัดสรรงบประมาณให้กองทุนกรณีมีเหตุฉุกเฉินและจำเป็น

ทั้งนี้ ระหว่างยังไม่มีแหล่งเงินที่จะเสริมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจำเป็นที่ สกนช.ต้องบริหารจัดการสภาพคล่องของกองทุนให้อุดหนุนราคาพลังงานตามนโยบายของรัฐบาล เช่น การยืดระยะเวลาการจ่ายชดเชยให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 4

รอรัฐบาลเคาะเจรจาโรงกลั่น

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การหารือกับ สบน.ครั้งนี้ สกนช.ได้ชี้แจงกรอบงบประมาณและสถานการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ด้วยสถานะกองทุนที่ติดลบมากกว่า 100,000 ล้านบาท ทำให้ สบน.ขอให้กระทรวงพลังงานรอนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแนวทางการเสริมสภาพคล่องกองทุนก่อน ซึ่งกระทรวงพลังงานกำลังเจรจาโรงกลั่นและโรงแยกก๊าซเพื่อหาทางเพิ่มสภาพคล่อง

สำหรับความคืบหน้าแผนการกู้เงิน 20,000 ล้านบาท ยังเดินตามขั้นตอน โดยกระทรวงการคลังได้ติดตามสถานะทางการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง ส่วนเงื่อนไขที่ทางสถาบันทางการเงินได้ขอมาให้มีการปรับเปลี่ยน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการที่ต้องใช้เวลา โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เตรียมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว

ลดจ่ายเงินผู้ค้ามาตรา 7

แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 กล่าวว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้รายงานสถานการณ์การเงินกองทุนที่ติดลบย่ำแย่ โดยทำให้นำเงินมาจ่ายให้คู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ได้เดือนละ 2,000 ล้านบาท จากปกติที่กองทุนจ่ายเดือนละ 7,000-8,000 ล้านบาท เพราะเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้น้อยลง ดังนั้น จึงมองไม่เห็นทิศทางที่จะมีสถาบันทางการเงินไหนปล่อยกู้

นอกจากนี้ หากรัฐบาลปล่อยให้การอุดหนุนราคาดีเซล โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพยุงราคาวันละ 500-600 ล้านบาท ต่อไปอีกจะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอาจรับภาระไม่ไหวหลังจากติดลบมากกว่า 100,000 ล้านบาท จึงเห็นว่ารัฐบาลควรดำเนินการใดเพื่อแก้ปัญหาการอุดหนุนรายวันในวงเงินสูง

“จากการที่กรมธุรกิจพลังงานประสานผู้ค้ามาตรา 7 เพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมาย ซึ่งเป็นน้ำมันดิบเป็น 5% จากเดิม 4% และน้ำมันสำเร็จรูปเป็น 2% จากเดิม 1% เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาเสถียรภาพพลังงานได้โดยที่ไม่กระทบการดำรงชีพของประชาชน ถือเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการอยู่แล้ว และเรายินดีทำตามรัฐบาลจึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาให้ตรงจุด”

สำหรับสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 3 ก.ค.2565 ติดลบ 107,601 ล้านบาท โดยมีกระแสเงินสด 3,663 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝากกรมบัญชีกลาง 3,500 ล้านบาท เงินฝากบัญชีธนาคาร 163 ล้านบาท

ยืนยัน“พลังงาน”ไม่ขาดแคลน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2565 เป็นการ Kickoff Meeting เพื่อฉายภาพให้เห็นครบทุกมิติ ซึ่งกระทรวงพลังงานนำเสนอแผนซ้อมฉุกเฉิน เพื่อเตรียมความพร้อมในกรณีเกิดการขาดแคลนจริง 

ทั้งนี้ มีการนำเสนอทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงงานด้านกฎหมายที่หากจำเป็นต้องดูแลประชาชนช่วงภาวะวิกฤตขาดแคลนขึ้นมา เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะไปถึงไหน

นายสุพัฒนพงษ์ ตอบคำถามประเด็นโอกาสที่จะเกิดการขาดแคลนพลังงานสูงระดับใดว่า คงไม่สูง เพราะเท่าที่ฟังจากการรายงานในที่ประชุมก็มีการพร้อมความพร้อมพอสมควร เมื่อวาน (4 ก.ค.65) จึงเป็นการรับฟังแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อประสานระหว่างหน่วยงานหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้ทำงานร่วมกันได้ทันที จึงเป็นซ้อมความเปลี่ยนแปลงไว้

สำรองน้ำมันดิบ60-70วัน

“เรามีสำรองน้ำมันดิบ 60-70 วันโดยประมาณ ขณะที่แก๊ส LPG สำรองไว้ประมาณ 15-20 วัน ซึ่งในส่วนของแก๊ส LPG เรามีโรงแยกอยู่แล้ว ไม่ค่อยน่ากังวัล แต่น้ำมันเราต้องนำเข้าจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องยกระดับเป็น 60-70 วัน เพราะปกติเราสำรองน้ำมันดิบประมาณ 30 วัน ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ขอความร่วมมือทุกฝ่าย”

ส่วนเรื่องไฟฟ้าจำเป็นต้องนำแผนถ่านหินขึ้นมาพิจารณาอีกรอบหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า เรื่องถ่านหินได้มีการเลื่อนการหยุดการผลิตของโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะหน่วยที่ 8-11 ไปถึงปี 2568 เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีความพร้อมในทุกเรื่อง เป็นการเตรียมความพร้อม ไม่ได้บอกว่าจะเกิดวันนี้ พรุ่งนี้ ยึดเสถียรภาพสำคัญที่สุด

ส่วนการขอความร่วมมือกับ 6 โรงกลั่น เพื่อนำเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังมีความหวังอยู่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ยังมีความหวัง เร็ว ๆ นี้ ไม่น่าจะนาน ต้องเร็วที่สุด

ครม.ถกวิกฤติพลังงาน

แหล่งข่าวจาก ครม.กล่าวว่า การประชุม ครม.วานนี้ (5 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงให้ ครม.รับทราบความจำเป็นในการใช้กลไก สมช.จัดทำแผนรองรับวิกฤติพลังงาน และอาหาร รวมทั้งชี้แจงให้ ครม.รับทราบแนวทางการจัดตั้งกรรมการ 2 ชุดขึ้นมาดูแลภาวะวิกฤติ และจัดทำแผนรองรับวิกฤติให้แล้วเสร็จและมีความพร้อมมากที่สุดโดยเร็ว

“พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งให้ ครม.รับทราบว่า การตั้งคณะกรรมการชุดนี้จะต้องเตรียมแผนไว้แก้ปัญหาระยะยาวกรณีสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียยืดเยื้อ โดยนโยบายการบริหารหลักเวลานี้จะไม่กู้เพิ่ม และใช้เงินเท่าที่มีอยู่ในการบริหาร นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังได้มอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จัดทำแผนเพิ่มเติมรายการสินค้าและบริการควบคุม เพื่อรองรับสถานการณ์ในแต่ระดับ”แหล่งข่าว ระบุ

เร่งแผนประหยัดพลังงาน

นายสุพัฒนพงษ์ ชี้แจง ครม.เรื่องกำไรของโรงกลั่นตามที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เสนอนั้นถือว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าเป็นการเปรียบกับในช่วงเวลาที่ขาดทุน และช่วงที่มีกำไรสูง ซึ่งทำให้มีความแตกต่างกันมากระหว่างตัวเลขของกระทรวงพลังงานกับตัวเลขที่นายกรณ์ใช้ในการอ้างอิงมากโดยยืนยันว่าตัวเลขของนายกรณ์ไม่สอดคล้องความเป็นจริง

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวใน ครม.ว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนี้เรื่องของการประหยัดพลังงานถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญโดยในส่วนนี้ตามแผนตนต้องไปหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ในกลุ่มห้างสรรพสินค้าขอให้ช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งได้ไปหารือแล้วและได้รับความร่วมมือในการจะช่วยกันประหยัดพลังงานโดยในส่วนของห้างสรรพสินค้า จะมีการปิดเครื่องปรับอากาศ และไฟฟ้าป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ก่อนที่ ห้างสรรพสินค้าจะปิด 1 ชั่วโมง ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น