M ประมาณการ 2Q65: อุปสงค์ pent-up demand แข็งแกร่ง
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ M ใน 2Q65F จะอยู่ที่ 430 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 99 ล้านบาทใน 2Q64 และเพิ่มขึ้น 59% QoQ เนื่องจาก i) ยอดขายของร้านอาหารดีขึ้น ii) GPM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
โดยเราคาดว่า ยอดขายจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเป็น 4.0 พันล้านบาท (+58% YoY และ +14% QoQ) เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น และฐานที่ต่ำใน 2Q64 เราใช้สมมติฐาน SSSG ของ MK ที่ +60% (จาก+20%/+12% ใน 2Q64/1Q65) ของยาโยอิที่ +53% (จาก +12%/+11% ใน 2Q64/1Q65) และของแหลมเจริญซีฟู้ดที่ 54%
ถึงแม้ว่าวัตถุดิบบางรายการจะแพงขึ้นอีก (figure 5) แต่เราคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับ GPM เอาไว้ได้เนื่องจาก i) มีการปรับขึ้นราคาขายอีก 2-3% ในเดือนพฤษภาคม 2565 (ปรับครั้งแรกไปแล้ว 3% เมื่อเดือนมกราคม 2565) ii) ยอดขายอาหารให้ลูกค้าที่รับประทานในร้านเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของยอดขายรวม (จาก 75% ใน 1Q65) เราคาดว่า GPM ใน 2Q65F จะเพิ่มขึ้นเป็น 66.0% จาก 63.2% ใน 2Q64 และ 65.6% ใน 1Q65 ในขณะที่คาดว่าการประหยัดต่อขนาดจะทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายลดลงเหลือ 53.8% จาก 70.5% ใน 2Q64 และ 57.5% ใน 1Q65 ทั้งนี้ บริษัทเปิดสาขาร้านสุกี้ MK/ยาโยอิ/แหลมเจริญซีฟู้ด เพิ่มอีก 1/1/1 ร้านใน 2Q65
คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นใน 2H65
สภาวะของธุรกิจที่ดีขึ้นทำให้เรามั่นใจมากว่ารายได้ของ M จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY จากฐานที่ต่ำ และมีการใช้มาตรการคุม COVID-19 ใน 3Q64 (SSSG ของ MK อยู่ที่ -48% และของยาโยอิอยู่ที่ -40% ใน 3Q64) ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าผลประกอบการของ M จะดีขึ้น QoQ ใน 2H65 จากการที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
Valuation and action
ถ้าหากผลประกอบการใน 2Q65F เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิใน 1H65F จะคิดเป็น 42% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา ทั้งนี้ หากอิงจากประมาณการ SSSG ใน 1H65 ที่ 35% เรามองว่าประมาณการรายได้ปี 2565F ของเราน่าจะยังมี upside อีก (เราใช้สมมติฐาน SSSG ที่ 28.5%) ซึ่งจากการวิเคราะห์ sensitivity เราคาดว่า SSSG ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 5ppts จะทำให้กำไรสุทธิของ M เพิ่มขึ้น 16% (figure 7) เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ M และประเมินราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 58.00 บาท (PE ที่ 31x)
Risks
เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าเกินคาด, SSSG ต่ำกว่าที่คาด, การแข่งขันในธุรกิจร้านอาหาร