ไทยพร้อมจัดงานแสดงสินค้าแม่และเด็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก 5-8 เม.ย.66
หอการค้าไทย จับมือโคโลญเมสเซ่ จัดงาน Kind +Jugend ASEAN 2023 หรือคิน-อัน-ยู-เก้น-อา-เซียน ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ระหว่างวันที่ 5-8 เม.ย.66 ที่ไบเทค หนุนอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ไทยถือเป็นประเทศที่ได้รับความเชื่อมั่นด้านการผลิตสินค้าและบริการ รวมถึงมาตรฐานต่างๆ ที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก หอการค้าไทยร่วมมือโคโลญเมสเซ่จัดงาน Kind +Jugend ASEAN 2023 หรือคิน-อัน-ยู-เก้น-อา-เซียน ในระหว่างวันที่ 5-8 เม.ย. 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาคนี้ และเพื่อเป็นการตอกย้ำว่าไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตกลุ่มสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับแม่และเด็กในภูมิภาคนี้ อีกทั้งในปี 2566 ไทยตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ต่ำกว่า 80% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งเชื่อว่าการจัดงาน Kind +Jugend ASEAN 2023 จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยให้เกิดบรรยากาศการท่องเที่ยวและการใช้สอยในประเทศให้คึกคักยิ่งขึ้น
นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ตัวแทน โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก คือหนึ่งในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยผลลัพธ์ที่มาจากพฤติกรรมของพ่อแม่ยุคใหม่ ที่วางแผนการใช้จ่ายตั้งแต่ก่อนมีบุตรและยังให้ความสำคัญกับคุณภาพ สวัสดิการ ผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์ มากกว่าเรื่องราคา ประกอบกับมีกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้าอื่น อาทิ โรงเรียน ศูนย์ดูแลเด็ก โรงพยาบาล คลินิก เป็นต้น ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในประเทศไทย ปี 64 มีมูลค่าสูงถึง 40,300 ล้านบาท เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนในตลาดประเทศไทย
"ทางโคโลญเมสเซ่มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมสร้างธุรกิจอย่างยิ่งใหญ่สู่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในปี 2566 โดยประมาการณ์ยอดผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,000 รายทั่วภูมิภาคฯ และยอดผู้จัดแสดงสินค้ากว่า 200 บริษัททั่วโลก ซึ่ง ขณะนี้ได้รับการตอบรับจากทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และอิตาลี คาดว่ามีมูลค่าการซื้อขายในการเจรจาทางธุรกิจไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท"
นางอุไรวรรณ บุนนาค นายกสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สมาคมจึงมุ่งเน้นผลักดันและสนับสนุน เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัว ด้วยการเริ่มหาช่องทางการตลาดและสร้างโอกาสให้กับสมาชิกฯ สำหรับปี 2566 อาทิ การเข้าร่วมงานทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น และเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกให้มีแนวคิดการออกแบบของเล่นนำเทรนด์ ด้วยการจัดการอบรมการออกแบบของเล่นเพื่อพัฒนาให้เกิดนักออกแบบรุ่นใหม่อยู่เสมอ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำไปสู่การรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้าและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ของเล่นที่ยอมรับกันทั่วโลก ตลอดจนการส่งมอบสินค้าตามกำหนดเวลา เพื่อรักษาฐานลูกค้าและครองตลาดต่อไป
นายแมทธิว เวซโซซี กรรมการบริหาร สมาคมเอเชีย ทอย แอนด์ เพลย์ กล่าวว่า ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ผู้คนอยู่บ้านมากขึ้นก็หาซื้อหาผลิตภัณฑ์ของเล่นมากขึ้น ซึ่งโควิด-19 เป็นผลบวกกับอุตสาหกรรมของเล่นจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่ถือว่ากำลังซื้อสูง ทางสมาคมเล็งเห็นถึงโอกาสสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ของเล่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอาเซียน โดยปัจจุบันมีความท้าทายมากมายที่ต้องร่วมกันเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ คุณภาพ ความปลอดภัยของแม่และเด็ก จำเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทของเล่นทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กทั้งในและต่างประเทศ จะต้องวางเป้าหมายสู่การเผชิญหน้าเพื่อบรรลุสิ่งที่เราต้องการ นั่นคือรอยยิ้มของเด็ก ๆ