ข้าวกุลาไรซ์ตีตราสินค้าจีไอทำเงินแสนห้าต่อเดือน!

ข้าวกุลาไรซ์ตีตราสินค้าจีไอทำเงินแสนห้าต่อเดือน!

อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ผันตัวเป็นเกษตรกร ปลูกข้าวอินทรีย์ชื่อแบรนด์ “กุลาไรซ์105” จุดเด่นที่หอมคล้ายใบเตย ดันเป็นสินค้าจีไอสุรินทร์ ทำรายได้เดือนละกว่า 150,000

นายบุญเหลือ ฤทธิรณ อายุ65 ปี บ้านเลขที่251หมู่ 1ต.ชุมพล อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ผันตัวเป็นเกษตรกร โดยสนใจ พร้อมทั้งลองผิดลองถูกปลูกข้าวหอมมะลิพันธ์105 กุลาร้องไห้ แบบอินทรีย์ โดยพื้นที่อำเภอชุมพลบุรีนั้นเป็นพื้นที่ ที่เคยเป็นเขตทุ่งกุลาร้องไห้ มีสภาพความแห้งแล้งมากที่สุดในประเทศ ทำให้ที่พื้นดินบริเวณนี้มีเอกกลักษณ์ มีแร่ธาตุที่ทำให้ข้าวที่ปลูกออกมา มีกลิ่นหอมใบเตย เม็ดยาวขาวนิ่มชิมและชวนติดใจ
นายบุญเหลือ กล่าวว่า ข้าวหอมมะลิ105(ทุ่งกุลาร้องไห้) นั้นเป็นข้าวที่มีรสชาติหอมอร่อย และขายดีที่สุด ทำให้ผู้คนที่ได้ชิมและลิ้มชิมลองต่างพูดเสียงเดียวกันว่า เป็นข่าวหอมมะลิที่หอมและอร่อยที่สุดในโลก หลังจากชื่อเสียง สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ต่างยกย่องว่าเป็นข้าวหอมมะลิ105ที่หอมอร่อยที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

งได้รับการยกย่องและผ่านสินค้า GI ไทยแลนด์ของดีอีสานมาตฐานโลก นับว่าประสบความสำเร็จทางด้านการค้าขายในระดับหนึ่ง ที่สามารถเป็นรายได้กำไรงามเลี้ยงดูครอบครัวในระยะยาวแบบสบาย
 นายบุญเหลือ เล่าว่า เดิมทำงานรับราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน มักจะนำนักเรียนปลูกผักผลไม้กินเอง เมื่อเกษียรอายุจึงเริ่มทำนาปลูกข้าวขายแต่ตอนนั้นตนใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้ผลผลิตออกมามีรสชาติที่ไม่ค่อยหอมและนุ่มทำให้การลงทุนการปลูกข้าวขายในตอนนั้น ติดลบ จนได้เริ่มศึกษาหาวิธีปลูกข้าว เริ่มคิดค้นปุ๋ยธรรมชาติ ปลูกแบบไม่เพิ่งพาสารเคมี เพราะตนถือว่าพื้นดินในอำเภอของตนนั้นเป็นเขตดินแดนทุ่งกุลาร้องไห้ จึงเริ่มลองผิดลองถูกจนได้ผลผลิตที่ดีและได้ข้าวที่หอมนุ่มอร่อย จึงเริ่มแพคขายและขายทางออนไลน์ คนที่ซื้อไปกินต่างบอกปากต่อปากว่าเป็นข้าวหอมมะลิที่มีรสชาติหอมกลิ่นใบเตย เม็ดยาวและนิ่มจึ่งเริ่มขายดิบขายดีมาอย่างต่อเนื่อง และตนเองจึงเริ่มขยายเครือข่ายในเขตอำเภอชุมพลบุรี และได้ตั้งชื่อแบรนตัวเองว่า“กุลาไรซ์105”โดยมีข้าวกล้อง ข้าวขาว ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวแปรรูปอีกหลายอย่างในการขาย จนตอนนี้ทำให้มียอดขายถล่มทลายขายดีรายได้เดือนละ150,000-200,000 บาท