เปิดกำไรกลุ่ม ‘แบงก์’ ครึ่งปีแรก 65 กวาดกำไรแสนล้านบาท

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์)10 แห่ง ประกาศงบไตรมาส 2 ปี 2565 ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) , ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) , ธนาคารทหารไทยธนชาต(TTB), ทิสโก้ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (TISCO), ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT), ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LHFG)ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ธนาคารกรุงไทย(KTB)
        โดยรวมมีกำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรกที่ 105,795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 97,898 ล้านบาท โดยธนาคารที่มีกำไรเติบโตโดดเด่น เช่น  CIMBT โต 121% , KKP  เพิ่มขึ้น 45.2% ,KTB โต 47.9% และ TTB เพิ่มขึ้น  24.7% และ KBANK เติบโต 12.7%

        ทั้งนี้หากดูด้านสำรองหนี้เสีย พบว่า ทั้ง  10 แบงก์ ตั้งสำรองลดลงมาก โดยครึ่งปีแรกสำรองลดลง 13% มาอยู่ที่ 90,851 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 42.3 หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยธนาคารที่มีภาระสำรองลดลงมากได้ คือ  TISCO สำรองลดลง 84% รองมาก CIMBT 64% ,KKP 28% และ TTB  16%
        นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมงบกลุ่มแบงก์โดยรวมถือว่าออกมาดีตามคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ ขณะที่ผลดำเนินงานดีกว่าคาด เช่น TISCO ,KKP ,TTB 

     โดยรวมประเมินภาพรวมทั้ง 7 ธนาคาร คือ  KBANK ,BBL ,SCB, BAY ,KTB ,KKP และ TISCO กำไรไตรมาส 2 ปี 2565 โดยรวมอยู่ที่ 42,400 ล้านบาท เติบโต 19% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่กำไรลดลง 4% หากเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 ที่ ส่วนสำรองโดยรวมไตรมาส 2 ปี 2565 คาดจะอยู่ที่ 38,000 ล้านบาท ลดลง 19% แต่เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า  

       สำหรับแนวโน้มกำไรกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3 ปี 2565 อยู่ที่  5 หมื่นล้านบาท  เพิ่มขึ้นหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่กำไร 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งดีขึ้นจากฐานต่ำ และผลบวกหากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะหนุนมาร์จิ้นกลุ่มแบงก์ให้ดีขึ้น ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้น BBL โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 159 บาทต่อหุ้น หุ้น KBANK 174 บาทต่อหุ้น และ หุ้น KKP ที่ 82 บาทต่อหุ้น

       นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า กำไรโดยรวมของแบงก์ครึ่งปีแรก 2565 อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท  เพิ่มขึ้น  12.72% จากการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้น ตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร ส่วนสำรองหนี้เสีย ยังใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ในการพิจารณาปัจจัยเชิงเศรษฐกิจต่างๆ อย่างรอบคอบ

ส่วนหนี้เสียของธนาคารล่าสุดอยู่ที่ 3.80% โดยธนาคารได้เริ่มดำเนินการเชิงรุกผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีเป้าหมายเพื่อช่วยคืนลูกหนี้ที่มีสถานะทางการเงินที่ดีสามารถกลับเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินได้ในอนาคต

     นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการ ไตรมาส 2 บริษัทมีกำไรที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%  และ ครึ่งปีแรก 2565 มีกำไรรวม 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3%  เนื่องจาก ผลของการขยายผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ และการมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม

       ทั้งนี้บริษัทมีการตั้งสำรองเพิ่มในไตรมาส 2 ปี 2565 ที่ 2.2% เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก และอัตราเงินเฟ้อระดับสูง

      โดยหากดูการเติบโตของบริษัทลูกในกลุ่มเทคโนโลยีมีการเติบโตในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และบริษัทวางแผนพร้อมเดินหน้าธุรกิจเต็มที่ในครึ่งปีหลัง ทั้งหมดนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ยานแม่ ที่จะมุ่งมั่นสร้างมูลค่า และขับเคลื่อนกลุ่ม เอสซีบี เอกซ์ สู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคต่อไป

      นายมาณพ เสงี่ยมบุตร Chief Finance & Strategy Office บริษัท เอสซีบี เอกซ์จำกัด (มหาชน) หรือSCB กล่าวว่า คาดสินเชื่อปีนี้ มีโอกาสเติบโตได้ระดับ 5%  โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้นเป็น 3.1-3.3% เช่นเดียวกัน ซึ่งคุณภาพหนี้เสียลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.6% จากเดิมที่คาด 4% จากคุณภาพสินเชื่อของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ 

      ส่วนกรณี ที่ เอสซีบี เอกซ์  มีแผนเข้าไปลงทุนใน บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด(มหาชน) หรือ Bitkub ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าจากพัฒนาการเดิม หลังแจ้งว่า อยู่ระหว่างการหารือหน่วยงานกำกับ และสอบทานธุรกิจของ Bitkub

     ส่วนกรณีที่บริษัทเอสซีบีเอกซ์  เข้าไปลงทุนในคริปโทฯ นั้นไม่ได้เข้าไปลงทุนโดยตรง แต่ลงทุนผ่านสตาร์ตอัปที่ลงทุน ใน DeFi และบล็อกเชน ที่อยู่ในอีโคซิสเต็มของคริปโทฯ อีกทั้งมูลค่าการลงทุนในคริปโทฯ ถือว่าน้อยมากไม่ถึง 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยืนยันว่าเป็นการลงทุนเพื่อเรียนรู้ ไม่ใช่ลงทุนเพื่อหวังเก็งกำไร
    นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ธนาคารสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นในทุกแพลตฟอร์ม ความถี่เข้าใช้งานมากขึ้น หนุนปริมาณธุรกรรมเติบโตต่อเนื่อง
      สะท้อนถึงการวางยุทธศาสตร์ที่ตอบโจทย์การยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ สามารถขยายความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ได้หลากหลาย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน สามารถเชื่อมโยง Ecosystem ต่างๆ ครอบคลุมทั้งการขับเคลื่อนมาตรการภาครัฐ บริการด้านสุขภาพ การออมและการลงทุน 
     จากความมุ่งมั่นดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของธนาคารดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2565 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 17,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 
     มีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ขยายตัว 4.9% จากการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ ทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง 
     ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 31.0% แต่ยังคงรักษาระดับของ Coverage ratio ในระดับสูงที่ 174.3 %เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์