คาราบาวผนึกกสิกรดัน"ร้านถูกดี”แตะ3หมื่นสาขาปี67พร้อมลุยสินเชื่อรายย่อย

คาราบาวผนึกกสิกรดัน"ร้านถูกดี”แตะ3หมื่นสาขาปี67พร้อมลุยสินเชื่อรายย่อย

สองยักษ์ใหญ่ผนึกกำลังเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน กสิกรไทย อัดฉีด 15,000 ล้าน หนุนบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว เร่งเครื่องพัฒนาร้านค้าปลีกสะดวกซื้อชุมชนสมัยใหม่ “ถูกดี มีมาตรฐาน” ปักหมุดครบหมื่นสาขาสิ้นปี 65 ต่อยอดรุกสินเชื่อ สร้างระบบนิเวศการเงิน ผงาด Point of Everything

นับเป็นแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่เมื่อ 2 ยักษ์แห่งวงการ! ผนึกกำลังเคลื่อนบิ๊กโปรเจกต์พลิกฟื้นร้านโชห่วยชุมชนสู่ “ร้านค้าปลีกสะดวกซื้อชุมชนสมัยใหม่”  ภายใต้ชื่อ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ความฝันอันยิ่งใหญ่ของเจ้าพ่อคาราบาวแดง "เสถียร เศรษฐสิทธิ์" ที่เดินหน้าสานภารกิจนี้อย่างจริงจังต่อเนื่องมากว่า 2 ปี

วันนี้ ก้าวไปอีกขั้นจากพันธมิตรคนสำคัญ "ธนาคารกสิกรไทย" เข้ามาเสริมพลังทุน! ที่จะเป็นแรงส่งโครงการเพื่อชาติติดปีกทะยานสู่เป้าหมาย

“ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” เป็นโครงข่ายร้านค้าปลีก ภายใต้การบริหารงานของ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” แห่งคาราบาวกรุ๊ป กุมบังเหียนร้านถูกดี ภายใต้หมวกประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ที่มีแนวคิดสร้างมาตรฐานวงการร้านค้าปลีกชุมชน ด้วยการยกระดับมาตรฐานร้านค้าปลีกให้ทันสมัยด้วยความรู้ และเทคโนโลยีการบริหารจัดการร้าน

โดยชูโมเดล “ร้านค้าชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน” ร้านสะดวกซื้อชุมชนสมัยใหม่ ที่สนิทใจลูกค้า เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน และมุ่งแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายด้วยแนวคิด “กินแบ่ง ไม่กินรวบ” โดยถือเป็นร้านสะดวกซื้อชุมชนที่เติบโตเร็วที่สุด ปัจจุบันมีจำนวนร้านที่เปิดแล้วกว่า 5,000 ร้านค้าทั่วประเทศ

คาราบาวผนึกกสิกรดัน\"ร้านถูกดี”แตะ3หมื่นสาขาปี67พร้อมลุยสินเชื่อรายย่อย

แผนความร่วมมือกับ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK จะร่วมลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท กับ “บริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว” ตามแผนพัฒนาร้านสะดวกซื้อชุมชน “ถูกดี มีมาตรฐาน” เป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนทั่วไทย เปิดโอกาสให้คนในชุมชนที่สนใจเปิดร้านมีโอกาสเป็นเจ้าของ และทำให้คนในชุมชนได้ใช้บริการการเงินและสินเชื่อครบวงจร 

คาราบาวผนึกกสิกรดัน\"ร้านถูกดี”แตะ3หมื่นสาขาปี67พร้อมลุยสินเชื่อรายย่อย

โดยการลงทุนของธนาคารครอบคลุมการร่วมลงทุนผ่านตราสารการลงทุนที่ให้สิทธิลงทุนในหุ้นของบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด และเตรียมลงนามในสัญญาร่วมทุนจัดตั้ง “บริษัทร่วมทุน”  บริษัท กสิกร คาราบาว จำกัด หรือ KBAO เพื่อให้บริการสินชื่อเต็มรูปแบบ 

ทั้งนี้ ร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” มุ่งสู่ผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซื้อชุมชนในประเทศไทยที่ให้บริการการเงินและสินเชื่อครบวงจร มีจำนวนร้าน 30,000 ร้าน ภายในปี 2567

คาราบาวผนึกกสิกรดัน\"ร้านถูกดี”แตะ3หมื่นสาขาปี67พร้อมลุยสินเชื่อรายย่อย

เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของบริษัทในการพัฒนา “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” นั้น บริษัทไม่ได้มองเพียงการเข้ามาพัฒนาและปรับร้านโชห่วยให้มีความทันสมัยเท่านั้น แต่วางเป้าหมายให้ร้านถูกดี  เป็นเสมือน “แพลตฟอร์ม” และ “โครงข่าย” ที่เชื่อมโยงกันเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนทั่วประเทศ และเชื่อมต่อผู้ผลิต และผู้ให้บริการต่างๆ ที่คนในชุมชนเคยเข้าถึงได้ยาก อาทิ บริการทางการเงิน, เป็นจุดรับส่งสินค้าในชุมชน, บริการสินค้าทางการเกษตร ฯลฯ โดยเฉพาะในชุมชน หมู่บ้านที่ห่างไกล ที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ยังเข้าไม่ถึง

โดยตั้งเป้าให้ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” เป็น “โซลูชั่น” ที่จะเข้าไปตอบโจทย์และเพิ่มความสะดวกให้คนในชุมชน ทำให้การใช้ชีวิตของผู้บริโภคทั่วประเทศง่ายขึ้น ซึ่งความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้ เป็นหนึ่งใน กลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

สำหรับ ความร่วมมือระหว่าง “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” กับธนาคารกสิกรไทย ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างกำลังซื้อให้กับชุมชน และความแข็งแกร่งให้กับ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ในการให้บริการแก่ผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของร้านซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ในปัจจุบัน และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเปิดร้านรายอื่นๆ ที่จะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในอนาคต ตลอดจนซัพพลายเออร์และผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ในตลาดค้าปลีกได้มากยิ่งขึ้น

โดยสิ้นปี 2565 ร้านถูกดี มีมาตรฐาน จะมีสาขาไม่ต่ำกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ และเพิ่มเป็น 20,000 สาขาในปี 2566 บรรลุเป้าหมาย 30,000 สาขาในปี 2567 ที่จะนำสู่การต่อยอดบริการหลากหลาย หรือ Point of Service ก้าวสู่ Point of Everything

พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การพัฒนา “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ที่ธนาคารมีแผนดำเนินการร่วมกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่

1.ส่งเสริมศักยภาพของร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ให้เป็นร้านสะดวกซื้อชุมชนที่เป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีการบริหารจัดการร้านและระบบการชำระเงินต่างๆ

2.เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค้าขายต่างๆ โดยธนาคารนำข้อมูลการจับจ่ายในชีวิตประจำวันมาใช้ในการพิจารณาสินเชื่อ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ประจำ หรือเจ้าของร้านค้าที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนภายในร้าน

3.เป็นจุดให้บริการธุรกรรมการเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันกับคนในชุมชน เช่น บริการถอนเงิน จ่ายบิล เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มบริการดิจิทัลต่างๆ เช่น สแกนจ่ายด้วยคิวอาร์ โค้ด ซึ่งคนในชุมชน ส่วนใหญ่เริ่มคุ้นเคยแล้ว เป็นผลจากนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐในช่วงผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19

ทั้งนี้ ชุมชนนอกตัวเมืองในจังหวัดต่างๆ เป็นพื้นที่ที่ลูกค้ามีความต้องการใช้บริการการเงิน บางส่วนไม่มีบัญชีเงินฝาก ไม่มีหลักฐานการเงินที่ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และเป็นพื้นที่ที่สาขาของธนาคารยังเข้าไม่ถึง การร่วมลงทุนกับ “บริษัทในกลุ่มธุรกิจ คาราบาว” เป็นยุทธศาสตร์ของธนาคารที่ตั้งใจพัฒนาร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของชุมชน ทำให้ทุกคนที่อยู่ในวงจรของ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ตั้งแต่เจ้าของร้าน คู่ค้า ชาวบ้านในชุมชน สามารถจับจ่ายใช้สอยและใช้บริการการเงินได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคารได้ง่ายขึ้น สร้างรายได้หมุนเวียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน

พัชร กล่าวต่อว่า ความร่วมมือนี้จะทำให้ธนาคารมีจุดบริการเคแบงก์ เซอร์วิส (KBank Service) เพิ่มขึ้นอีก 30,000 จุด จากเดิมมีจำนวนกว่า 27,000 จุด เพิ่มช่องทางการให้บริการได้ลึกถึงแหล่งชุมชนและครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบัน ธนาคารมีช่องทางให้บริการผ่านสาขาจำนวน 830 สาขา ตู้เอทีเอ็มและตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติ รวม 11,000 ตู้ และ K PLUS ที่มีลูกค้าใช้งานกว่า 18 ล้านราย

ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนของธนาคารรวมกว่า 15,000 ล้านบาท ครอบคลุมการร่วมลงทุนผ่านตราสารการลงทุนที่ให้สิทธิลงทุนในหุ้นของบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด และเตรียมลงนามในสัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “KBAO” เพื่อให้บริการสินเชื่อเต็มรูปแบบ รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินให้กับ “บริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว”