TOP - กำไรทำสถิติใหม่ (วันที่ 25 กรกฎาคม 2565)
คาดกำไรสุทธิใน 2Q ที่ 2.17 หมื่นลบ. (EPS 10.60 บาท) +2x qoq และ +9x yoy เนื่องจาก GRM แข็งแกร่ง (US$22/bbl) และมีกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (1.28 หมื่นล้านบาทหลังหักภาษี) จากการขายหุ้น GPSC
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำมันที่ป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ลดลงเหลือ 20% ใน 2H จาก 50% ใน 1H ในขณะที่ Market GRM ยังแข็งแกร่ง แม้ว่าจะผันผวน ส่วนแผนเพิ่มทุนน่าจะเลื่อนออกไปเป็น 4Q22 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 63 บาท
2Q กำไรแม้ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงก้อนใหญ่ (1.30 หมื่นล้านบาท)
คาดว่า Market GRM จะเพิ่มขึ้นเป็น US$22.0/bbl จาก crack spread ของทุกผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ขณะที่ crude premium เพิ่มขึ้น US$3.4 qoq เป็น US$7.4/bbl ทั้งนี้ 88% ของน้ำมันดิบที่ TOP ใช้กลั่นมาจากตะวันออกกลาง คาดว่าค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้น 112% TOP จะบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมัน 6.1 พันลบ. จากที่บันทึกกำไร 1.45 หมื่นลบ.ใน 1Q และคาดว่าจะบันทึกผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 1.30 หมื่นลบ. จากที่บันทึกผลขาดทุน 7.3 พันลบ.ใน 1Q คาดกำไรจากธุรกิจ Aromatics จะลดลง qoq โดย spread ของ PX ลดลงเหลือ US$44/t และของ BZ เหลือ US$23/t คาดว่าอัตราการกลั่นจะลดลงเหลือ 71% ธุรกิจ Aromatics ทำให้ GIM เพิ่มขึ้น US$0.3 ใน 2Q spread ของน้ำมันหล่อลื่นจะเพิ่มขึ้น US$85 qoq เป็น US$608/t ทำให้ GIM เพิ่มขึ้น US$0.7 ส่งผลให้ GIM รวมเพิ่มขึ้นเป็น US$23.0/bbl TOP จะบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.1 พันลบ. จากเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ TOP จะบันทึกกำไร 1.28 หมื่นลบ. หลังหักภาษีจากการขายหุ้น 10.78% ใน GPSC ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q จะอยู่ที่ 2.17 หมื่นลบ. (+2x qoq และ +9x yoy)
ปริมาณน้ำมันที่ป้องกันความเสี่ยงจะลดลงเหลือ 20% ใน 2H ในขณะที่ market GRM ยังแข็งแกร่ แม้จะผันผวน โดยคาดว่าจะมีการเลื่อนแผนเพิ่มทุนไป 4Q22
TOP ลดปริมาณน้ำมันที่ป้องกันความเสี่ยงลงเหลือ 20% ของปริมาณยอดขายใน 2H market GRM จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ US$13-15/bbl ใน 2H จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ นอกจากนี้ TOP ยังจะประกาศวันปิดสมุดทะเบียนสำหรับกำหนดสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งถูกเลื่อนมาจากเดือนมิถุนายน โดยคาดว่าการเพิ่มทุนจะเกิดขึ้นใน 4Q22
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 63 บาท คาด CFP จะเสร็จภายในสิ้นปี 2024
โครงการ CFP คืบหน้าไปแล้ว 82% ณ สิ้นงวด 1Q และคาดว่ากำหนดก่อสร้างจะล่าช้าออกไปถึงสิ้นปี 2024 และน่าจะเริ่ม COD ใน 1Q25 ช้ากว่าแผนเดิมสองปี ทั้งนี้ หุ้น TOP ซื้อขายอยู่ที่ระดับ PBV ปี FY22F ที่ 0.9x โดย ROE อยู่ที่ 21% ซึ่งถือว่ามี discount อย่างมากจากค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.4x ของ PBV เฉลี่ยหกปีย้อนหลังของ TOP ที่ ทั้งนี้ บริษัทกำหนดจะส่งงบในวันที่ 9 สิงหาคม