บลจ.จิตตะ เวลธ์ ส่ง “Jitta Ranking ญี่ปุ่น” ยิลด์เด่น 26.12% รับตลาดผันผวน
บลจ.จิตตะ เวลธ์ เปิดขุมทรัพย์การลงทุนครึ่งปีหลังพบ“ตลาดหุ้นเอเชีย” แกร่ง รับมือความผันผวนได้ ส่ง “Jitta Ranking ญี่ปุ่น” รับผลตอบแทนเฉลี่ย 26.12% ต่อปี
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.จิตตะ เวลธ์ เปิดเผยถึง ทิศทางการลงทุนครึ่งปี หลัง 2565 ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกยังถูกกดดันให้อยู่ในช่วงขาลง จากภาพรวมเศรษฐกิจ โลกที่ยังชะลอตัว และนักลงทุนยังต้องเผชิญกับความผันผวน ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ได้เข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) ไปแล้วด้วยดัชนีติดลบ ไปกว่า 20% ทั้งดัชนี NASDAQ ตามมาด้วย S&P500 ซึ่งคาดว่าภาวะตลาดหมีอาจจะลากยาวไปจนถึงปี 2566 เนื่องจากธนาคารกลาง สหรัฐ (Fed) จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ตลอดทั้งปี 2565 เพื่อดึงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายในปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภาวะตลาดหมี และเศรษฐกิจถดถอยจะไม่ยืดเยื้อนานเกิน 24 เดือน
ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว และอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) และนโยบายการเงินของ Fed ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะเห็นว่าตลาดหุ้นเอเชียมีความผันผวนน้อยกว่า และยังโดดเด่นในสายตานักลงทุน เริ่มเห็นสัญญาณที่เม็ดเงินลงทุนได้ไหลเข้ามาลงทุน อย่างคึกคักมากขึ้น นำโดยจีน เวียดนาม และญี่ปุ่น เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นฝั่งตะวันตก ที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเศรษฐกิจผันผวน และแนวโน้ม การเกิดRecession
“ตลาดหุ้นจีนเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2564 ราคาหุ้นปรับลดลงมา จนค่อนข้างถูกมากในปี 2565 เพราะหุ้นจีนรับรู้ข่าวเชิงลบมานานกว่า 1 ปี จึงมองว่าราคาหุ้นและ ETF ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นจีนในปีนี้มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นได้ ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามทำผลงานโดดเด่นอย่างมากในช่วงปี 2563-2564 ดัชนี VNI ทำนิวไฮติดต่อกัน 4 ครั้ง จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับฐานได้ในปี 2565 โดยเฉพาะราคาหุ้นที่ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับในอดีตจึงยังเป็นโอกาสที่ดีลงทุนในสินทรัพย์อย่างหุ้นเวียดนามได้”
นายตราวุทธิ์ กล่าวอีกว่า อีกตลาดหุ้นที่มีโอกาสในสร้างกำไรที่ไม่มีใครเห็น แต่จิตตะ เวลธ์ มองเห็นคือ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มีโอกาสเติบโต โดดเด่นจากคุณภาพของกิจการ และนักลงทุนไม่ควรพลาด ด้วยนโยบาย Abenomics ของอดีตนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ผู้ล่วงลับ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้ม ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งการบริโภคในประเทศ และการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังมีขุมทรัพย์ที่รอวันปะทุอย่างเงินออมของภาคครัวเรือนที่มีสัดส่วนการถือเงินสด และฝากเงินในธนาคารมากถึง 55% เมื่อเทียบกับสหรัฐ ที่มีเพียง 16% สะท้อนถึงสภาพคล่องในระบบการเงินที่อยู่ในระดับสูง ส่วนการบริโภคในประเทศของญี่ปุ่นคิดเป็น74.5% ของ GDP เมื่อเทียบกับสหรัฐ ที่ 82% ดังนั้นสัดส่วนเงินออมของครัวเรือนญี่ปุ่นที่สูงถึง 55% หากแบ่งไปที่การบริโภค และการลงทุนมากขึ้น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะทะยานไปได้อีกไกลมาก
“นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจกำลังเห็นผล ญี่ปุ่นมีโอกาสหลุดจาก The Lost Decade กลับไปท็อปฟอร์ม และอย่างที่ทุกคนทราบ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพสูง ธุรกิจค่อนข้างมั่นคง มีการพัฒนาด้านธรรมาภิบาลต่อเนื่อง เราเห็นโอกาสการลงทุน ที่ยิ่งใหญ่มากในญี่ปุ่น และเป็นจังหวะที่ดี เพราะญี่ปุ่นมีหุ้นดีราคาถูก เป็นของหายากหรือ Rare Item หนึ่งในตลาดหุ้นไม่กี่แห่งในโลกที่มีหุ้นคุณค่าเยอะมาก รายได้โตสูง และมีกำไรแข็งแกร่งมากในตลาดหุ้นเอเชีย”
ล่าสุดบริษัท ได้เปิดตัวกองทุนส่วนบุคคล JittaRanking ญี่ปุ่น แผนลงทุน ใหม่ที่ใช้ AI มาวิเคราะห์หุ้นมากกว่า 3,400 บริษัทเพื่อเลือกหุ้นดีราคาถูกจาก ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange - TSE) มาจัดพอร์ตลงทุน 5-30 บริษัท ด้วยอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น Jitta ที่อยู่บนพื้นฐานแนวคิด ‘ลงทุนในกิจการที่ดี ในราคาที่เหมาะสม’ ของ Warren Buffett ช่วยให้นักลงทุนมี โอกาสลงทุนในหุ้นบริษัทญี่ปุ่นคุณภาพดีโดยตรง ผ่านการบริหาร กองทุนส่วนบุคคลของจิตตะ เวลธ์ โดย Jitta Ranking ญี่ปุ่น จะมีการปรับพอร์ตทุก 3 เดือน เงินลงทุน เริ่มต้น 1 ล้านบาท เพิ่มทุนครั้งละ 100,000 บาท
นายตราวุทธิ์ ยังได้ยกตัวอย่างหุ้น 5 บริษัทที่มีผลประกอบการ ที่โดดเด่น เข้าเกณฑ์หุ้นดีราคาถูกของJitta Ranking ญี่ปุ่น อุตสาหกรรมแรกอยู่ ในกลุ่มเฮลท์แคร์ เช่น บริษัท Chugai Pharmaceutical บริษัท BMLและบริษัท Takara Bio ถัดมาเป็นอุตสาหกรรมก่อสร้างเช่น CTI Engineering และอุตสาหกรรม เทคโนโลยีอย่าง System D โดยผลตอบแทนย้อนหลัง จากการจำลอง Back Test จัดพอร์ตลงทุนด้วยหุ้นญี่ปุ่น ใช้ AI วิเคราะห์และคัดสรรหุ้นเด่น พร้อมปรับพอร์ตทุก 3 เดือนตลอดระยะเวลา 10 ปี (2555-2564) พบว่ามีผลตอบแทนเฉลี่ย 26.12% ต่อปี และคิดเป็นผลตอบแทนรวมสูงถึง 918.02%
“หลายคนอาจมองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวไม่สูงแต่รู้หรือไม่ว่าหลายๆ บริษัทในญี่ปุ่นมีรายได้มาจากทั่วโลก เนื่องจากมีการลงทุนสร้างฐานการผลิต ในต่างประเทศ ทำให้บริษัทญี่ปุ่นไม่ได้พึ่งพารายได้จากในประเทศเพียงอย่างเดียว และญี่ปุ่นมีบริษัทน้อยใหญ่ที่อาจจะมีชื่อเสียงไม่เทียบเท่ากับ Toyota Panasonic หรือSony แต่กลับมีผลประกอบการที่น่าทึ่ง ดังนั้นจึงเป็นข้อได้เปรียบของระบบ AI ภายใต้การพัฒนาอัลกอริทึมที่จิตตะ เวลธ์ต่อยอดมาจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น Jitta ที่จะค้นหาหุ้นดีราคาถูกมาจัดพอร์ตให้กับนักลงทุน”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์