ถอดบทเรียน “แคลิฟอร์เนีย” ประหยัดน้ำ จัดการโลกร้อน
เดือนก.ค. เข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเต็มรูปแบบ และดูเหมือนว่าปีนี้ ชาวอเมริกันต้องผจญคลื่นความร้อนสูงกว่าปีก่อนๆ ทำให้ต้องรับมือกับภัยคุกคามทางธรรมชาติที่ยกระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนไปจากเดิม แล้วชาวแคลิฟอร์เนียต้องปรับตัวกับการประหยัดน้ำ ท่ามกลางระดับแม่น้ำที่แห้งลงจนประหลาดใจอย่างไรไปฟัง “พอล จาคอบ” ที่ปรึกษาฝ่ายนโยบาย สำนักงานวิจัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้สัมภาษณ์กรุงเทพธุรกิจ เกี่ยวกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า "ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่ถูกท้าทายด้วยสถานการณ์ภัยแล้ง ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาพื้นที่ทางตอนใต้ของรัฐมีอากาศอุ่นขึ้นประมาณ 3 องศาเช่นเดียวกับรัฐอื่นๆ คลื่นความร้อนกำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติของคนที่นี่ หิมะทางตอนเหนือละลายเร็วขึ้นในช่วงต้นใบไม้ผลิ ขณะที่พื้นที่ทางตอนใต้มีฝนตกน้อยลงกว่าเดิมมาก"
*รับมือภัยร้าย climate change
“แคลิฟอร์เนียเคยประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักในปี 2557 และในปีนั้นจำเป็นต้องจำกัดการใช้น้ำของประชาชนลงถึง 25% ส่วนในปีนี้แม้แนวโน้มสถานการณ์ไม่รุนแรงเท่าครั้งก่อนแต่ไม่อาจวางใจ ทางการได้ขอความร่วมมือผู้อยู่อาศัยช่วยกัน "อนุรักษ์น้ำ" ตามความสมัครใจให้ได้ 15% ก่อนที่สถานการณ์ภัยแล้งแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่” จาคอบ เล่า
แคลิฟอร์เนียตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐ มีประชากรประมาณ 39.35 ล้านคน มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของแคลิฟอร์เนียเท่ากับ 3.36 ล้านล้านดอลลาร์หรือมากที่สุดในจำนวนทั้งหมด 50 รัฐ ถ้ามองแคลิฟอร์เนียเป็นประเทศ ในที่นี่จะมีมูลค่า จีดีพีใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลกมากกว่าจีดีพีของสหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ทั้งๆ ที่รัฐแคลิฟอร์เนียมีจำนวนประชากรน้อยกว่าสองประเทศนี้ ภาพรวมทางเศรษฐกิจทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมที่หลากหลายในแคลิฟอร์เนีย ตามมาด้วยความต้องการใช้น้ำจำนวนมากและความจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำที่มีคุณภาพ
*มาตรการจำกัดใช้น้ำ ผลักดันนวัตกรรม
ในช่วงเวลาที่ร้อนอบอ้าวตลอดเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ชาวแคลิฟอร์เนียใช้น้ำประมาณ 1.91 แสนล้านแกลลอน ทั้งที่บ้าน อาคารสำนักงานและอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มสูงทำให้ทางการแคลิฟอร์เนียต้องรณรงค์การประหยัดน้ำอย่างจริงจังมากขึ้น ไปพร้อมๆ กับเฝ้าติดตามตัวเลขการใช้น้ำของเดือนส.ค. ที่หวังลดลงกว่าเดิม
ปัจจุบัน น้ำที่ใช้ภายในบ้านของรัฐแคลิฟอร์เนียลดลงเพียง 1.8% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ซึ่งกิจกรรมที่ต้องใช้น้ำสิ้นเปลืองก็มีอยู่มากมาย เช่น การซักผ้า รดน้ำต้นไม้ ล้างรถ เป็นต้น ซึ่งทางการแคลิฟอร์เนียได้ออกแคมเปญประหยัดน้ำเช่นเดียวกับรัฐอื่นๆ ทั่วสหรัฐ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “สร้างจิตสำนึกและความมีส่วนร่วม” ต่อเป้าหมายเดียวกัน
รู้หรือไม่ การล้างรถคันหนึ่งใช้น้ำประมาณ 75 แกลลอน กรณีใช้สายยางปล่อยน้ำปกติแบบไม่มีหัวฉีดเปิด/ปิด (ในแคลิฟอร์เนียไม่อนุญาตอีกต่อไปภายใต้ข้อจำกัดการใช้น้ำในปัจจุบัน) ทำให้เกิดธุรกิจและสตาร์ตอัปพัฒนาคิดค้นผลิตภัณฑ์ รวมทั้งทางเลือกอื่นๆ เพื่อทำความสะอาดรถยนต์ เช่น ผลิตภัณฑ์ล้างรถโดยไม่ใช้น้ำ ซึ่งสามารถฉีดสเปรย์น้ำยาลงพื้นผิวรถ และเช็ดออกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ ใช้เวลาอยู่ที่ 20-30 นาที ราคาอยู่ที่ 12-15 ดอลลาร์ และหนึ่งขวดใช้ได้ประมาณสองครั้ง
*งบสนับสนุน ประชาชนประหยัดน้ำ
ขณะเดียวกันรัฐมีงบประมาณสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงน้ำที่มีคุณภาพ และพอเพียง ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ทุกครอบครัวมีส่วนร่วมกับกิจกรรมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เช่น โครงการช่วยเหลือให้แต่ละบ้านเปลี่ยนมาใช้เครื่องสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ รวมถึงใช้เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจานที่ควบคุมปริมาณใช้น้ำได้
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายไม่ให้มีอ่างอาบน้ำ สระว่ายน้ำ และสนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การติดตั้งระบบหยดน้ำอัจฉริยะสำหรับต้นไม้ การรดน้ำต้นไม้แบบใช้สปริงเกอร์จะช่วยประหยัดน้ำได้ 15 แกลลอนต่อครั้ง รวมทั้งหมั่นตรวจดูรอยรั่วท่อน้ำทั่วบ้าน หากมีน้ำรั่วออกจากรูของท่อแม้เล็กขนาดเท่าหัวปากกาลูกลื่นก็เสี่ยงสูญเสียน้ำกว่า 6,300 แกลลอนต่อเดือนได้
นโยบายการรดน้ำต้นไม้ และล้างรถยนต์ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละเมือง โดยที่ซาคราเมนโต นครหลวงของแคลิฟอร์เนียอนุญาตให้ประชาชนรดน้ำต้นไม้ และล้างรถได้ในวันจันทร์และวันศุกร์เท่านั้น ถ้าบ้านไหนโชว์มิเตอร์น้ำเพิ่มขึ้นผิดปกติก็จะมีการแจ้งเตือน กรณีไม่มีการปรับปรุงหรือตั้งใจฝ่าฝืนก็จะปรับค่าธรรมเนียมเป็นเงิน 500 ดอลลาร์
แต่ละบ้านสามารถปลูกต้นไม้ได้ปกติ ซึ่งทางการได้มีคำแนะนำปลูกต้นไม้ทนแล้งเพราะใช้น้ำน้อยและให้ร่มเงา เช่น ปาล์ม อากาเว่ หมาก ว่าน เฟื่องฟ้า หญ้าน้ำพุ และพืชตระกูลถั่วเป็นต้น ทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับหน้าดิน ขณะที่สนามหญ้าหน้าบ้านสร้างความสวยงามก็จริง แต่เป็นพืชกระหายน้ำ ทางการจึงสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำปริมาณมากที่ควรถูกนำไปใช้ในภาคการเกษตรแทน เพื่อผลิตอาหารให้กับทุกคน
*“ขาดแคลนน้ำ”ภัยคุกคามแคลิฟอร์เนีย
รายงานจากสำนักงานทรัพยากรแคลิฟอร์เนียบ่งชี้ว่า มีสัญญาณเตือนผู้ให้บริการระบบน้ำในพื้นที่ทางตอนใต้ของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโคโลราโดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อาจต้องลดการพึ่งพาการจัดสรรน้ำจากโครงการ Central Valley ที่รัฐบาลกลางจัดหาและจัดสรรน้ำให้ลง 5%ในปีนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมรับความเป็นไปได้ที่จะลดลงเหลือศูนย์ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ปริมาณใช้น้ำในเดือนก.ค.2564 พบปริมาณการใช้น้ำในครัวเรือนลดลงมากที่สุดในพื้นที่ชายฝั่งทางตอนเหนือเกือบ 17% โดยที่ “เมืองฮีลด์เบิร์ก” ในโซโนมาเคาน์ตี้ถูกจัดให้เป็นอันดับหนึ่งในแคลิฟอร์เนียที่มีการใช้น้ำลดลงกว่าครึ่ง ส่วนอันดับสองคือเมืองโคลเวอร์เดล อยู่ที่ 37% ซึ่งทั้งสองเมืองนี้ได้ประกาศข้อบังคับจำกัดการใช้น้ำเคร่งครัด
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์