ลุ้นรัฐบาลจีนให้อำนาจแต่ละมณฑล “เปิดเมือง” ดัน "จีนเที่ยวไทย” ฟื้นปลายปี 65
“ททท.” ลุ้นรัฐบาลกลางจีนให้อำนาจรัฐบาลท้องถิ่นแต่ละมณฑล ในการตัดสินใจว่าจะ "เปิดเมือง" หรือ "เปิดพรมแดน" หรือไม่ หลังเห็นสัญญาณดี มั่นใจตลาด “จีนเที่ยวไทย” กลับมาภายในปลายปี 65 พร้อมผนึกยักษ์ไอทีจีน “หัวเว่ย” ส่งเสริมนวัตกรรมการท่องเที่ยวใหม่บนเครือข่าย 5G
นายยุทธศักดิ์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการอัปเดตและติดตามสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนล่าสุด มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยภายในปลายปีนี้ด้วยจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น เพราะมีการผ่อนคลายมาตรการและเห็นสัญญาณที่ดีหลายเรื่อง อาทิ
1.มาตรการกักตัวขากลับประเทศจีน จากเดิม 21 วัน ปัจจุบันลดลงเหลือ 10-14 วัน
2.มาตรการคุมเข้มการเดินทางระหว่างประเทศสำหรับสายการบิน ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีโอกาสเพิ่มเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากจีนมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดี
3.สำนักงาน ททท.ในประเทศจีน รายงานมาว่า รัฐบาลกลางของจีนมีแนวโน้มจะให้รัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละมณฑลเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะ "เปิดเมือง" หรือ "เปิดพรมแดน" หรือไม่ ทาง ททท.เตรียมหารือกับในบางมณฑล ขณะเดียวกันก็ได้รับการติดต่อจากบางมณฑลเช่นกันว่าอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับความมั่นใจและความปลอดภัย หากรัฐบาลกลางให้อำนาจแก่รัฐบาลท้องถิ่นในการพิจารณา "เปิดประเทศ"
ทั้งนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลาดใหญ่ เมื่อปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยมากเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 11 ล้านคน
“ด้านสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน หวังว่าจะเป็นเรื่องชั่วคราว เพื่อให้คนกลับมาเดินทางกันได้ต่อไป”
นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของ ททท. ที่เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยภายใต้แผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 “ททท. เป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน” มุ่งส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพด้านนวัตกรรมในการขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยว (Tourism Ecosystem) ให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการต่อยอดพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Shape supply) และขับเคลื่อน Thrive for Excellence : ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง มุ่งสู่การเป็น Data Driven Organization นั้น
ในการนี้ เพื่อให้การพัฒนาศักยภาพและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี ควบคู่กับส่งเสริมการตลาดในกลุ่มตลาดศักยภาพทั้งตลาดในประเทศ และตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน ททท. และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้ร่วมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วย “DIGITAL TRANSFORMATION AND INNOVATION DEVELOPMENT FOR SMART TOURISM” มีผลในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่ลงนามวานนี้ (8 ส.ค.)
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวจะก่อให้เกิดเครือข่ายพันธมิตรด้านดิจิทัล เกิดการแลกเปลี่ยนทักษะความเชี่ยวชาญในการทำงานเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยว ทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาและยกระดับเทคโนโลยี อาทิ 5G คลาวด์ AI และ AR/VR ที่จะนำมาใช้กับการท่องเที่ยวได้ ซึ่งจะช่วยผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
โดย ททท. และหัวเว่ย เตรียมดำเนินโครงการนำร่อง ภายใต้ชื่อ “โทรมาเมื่อไหร่ amazing THAILAND เมื่อนั้น” ซึ่ง ททท. จะจัดทำ Video Ring back Tone วิดีโอรอสายที่ฉายภาพความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวไทย วัฒนธรรม อาหารไทย และประเพณีไทย เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยสู่สายตาชาวโลก ผ่านผู้ใช้บริการ 5G โดย HUAWEI ในประเทศไทย และเครือข่ายพันธมิตรของ HUAWEI ซึ่งสามารถดาวน์โหลดวิดีโอภาพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีดิจิทัลกำลังพลิกโฉมโลกใบนี้ นอกจากนี้พวกเรายังได้เข้าสู่ยุคทองแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในอนาคตต่อจากนี้หัวเว่ยจะมุ่งมั่นใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อช่วยยกระดับจุดยืนให้แก่ ททท. ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ด้านการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นจุดมุ่งหมายด้านการท่องเที่ยวระดับโลก
นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กร มีความพยายามร่วมกันในการนำเทคโนโลยี 5G เข้ามาสร้างนวัตกรรมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยผ่านการถ่ายทอดสด (Live Broadcasting) บรรยากาศจุดชมวิวอันโดดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวไทย ในรูปแบบเรียลไทม์บนเครือข่าย 5G ของหัวเว่ย ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ของ ททท. ได้แก่ ช่อง Youtube : Amazing Thailand และแอปพลิเคชัน Amazing Thailand รวมถึงช่องทางออนไลน์ของพันธมิตรรายต่างๆ