ทิศทางสัมพันธ์เศรษฐกิจ "ไทย-เช็ก" ครบ 5 ทศวรรษ ปี 67

“พรพิมล กาญจนลักษณ์” ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนพิเศษด้านสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พบหารือ “มาร์ติน เดอร์โวจาค” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก โดยมีปาเวล ปีเตล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็ก ประจำประเทศไทยเข้าร่วมด้วย 

ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงบทบาทของไทยในฐานะประธานเอเปค และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และสถานการณ์เมียนมา และยูเครน รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม 

ปีนี้ ไทย และสาธารณรัฐเช็กมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 48  ปี และในอีกสองปีหน้า จะครบรอบ 5 ทศวรรษ เมื่อย้อนกลับไป ไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับเช็กมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของเชโกสโลวาเกีย โดยไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเชโกสโลวาเกียเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2517 

และเมื่อเกิดการแบ่งแยก เชโกสโลวาเกียออกเป็น 2 ประเทศ ไทยก็ได้ให้การรับรองทั้งสาธารณรัฐเช็ก และสาธารณรัฐสโลวักในฐานะผู้สืบสิทธิร่วมกัน และสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับทั้งสองประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2536 เป็นต้นมา 

คนไทยในเช็กที่รายงานตัวต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก มีจำนวน 609 คน ทำงานในสาขาต่างๆ โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานนวดแผนไทย และพนักงานร้านอาหารไทย ที่เหลือเป็นแรงงานในกิจการอื่นๆ และแม่บ้าน นักศึกษา คนไทยที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ข้าราชการและครอบครัว

เช็กเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในกลุ่มประเทศสมาชิกใหม่ของสหภาพยุโรป ในปี 2556 โดยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทย-เช็ก อยู่บนพื้นฐานของเชื่อมั่นว่า ต่างมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนการค้าได้อีก ที่ผ่านมา ไทยมองว่า นักลงทุนเช็กมีศักยภาพ และสามารถเติมเต็มการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มากขึ้น ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในสาขาที่มีความเชี่ยวชาญ และสอดคล้องกับโมเดล BCG ของไทยและแผน European Green Deal (EGD) ของสหภาพยุโรป

ก่อนหน้านี้ ทูตปีเตล เน้นย้ำว่า นักลงทุนเช็กจำนวนมากสนใจลงทุนในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC และพร้อมเพิ่มความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน BCG และการเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์