เทียบเศรษฐกิจ 'อิสราเอล' VS 'อิหร่าน' หากอิหร่านหนุน 'ฮามาส' เต็มพิกัด

เทียบเศรษฐกิจ 'อิสราเอล' VS 'อิหร่าน' หากอิหร่านหนุน 'ฮามาส' เต็มพิกัด

ส่องขุมพลังทางเศรษฐกิจระหว่าง “อิสราเอล” กับ “อิหร่าน” หากสถานการณ์บานปลายจนอิหร่านเข้าร่วมสงครามอิสราเอลกับฮามาส ว่าทั้งสองประเทศมีสินค้าส่งออกที่โดดเด่นและมีความแตกต่างด้านเศรษฐกิจเช่นไร

Key Points

  • สินค้าส่งออกสำคัญของอิสราเอล คือ เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณี อุปกรณ์การแพทย์ และยา ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญของอิหร่าน คือ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ พลาสติก เคมีภัณฑ์และสินแร่
  • เงินเฟ้ออิสราเอลของเดือน ก.ย. 2566 อยู่ที่ 3.8% ขณะที่เงินเฟ้ออิหร่านของเดือน ก.ย. 2566 อยู่ที่ 39.5%
  • ผู้นำเข้าสินค้าหลักของอิสราเอล คือ สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 34.4%, จีน 8.6% และอินเดีย 7.3% ขณะที่ผู้นำเข้าหลักของอิหร่าน คือ จีน คิดเป็นสัดส่วน 37.1%, อิรัก 16.5% และตุรกี (ทูร์เคีย) 11.3%


สงครามระหว่าง “อิสราเอล” กับกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์หรือ “ฮามาส” ร้อนระอุมากขึ้น เมื่ออิหร่านประกาศว่า หากอิสราเอลยังคงโจมตีชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ซึ่งมีประชากรมากถึง 2.2 ล้านคนจนเกิดโศกนาฏกรรมนองเลือด อิหร่านไม่อาจอยู่เฉยได้และพร้อมสู้กับอิสราเอล

แม้ว่าปัจจุบันการเข้าแทรกแซงโดยตรงจากอิหร่านจะยังไม่เกิดขึ้น แต่อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน หากความขัดแย้งนี้ทำให้เกิด “การต่อสู้ทางเศรษฐกิจ” เช่น การคว่ำบาตร ก่อนจะถึงขั้นใช้ “การทหาร” ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้าย จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ขุมพลังทางเศรษฐกิจระหว่าง “อิหร่าน” กับ “อิสราเอล” มีความแตกต่างและโดดเด่นด้านใดบ้าง

  • GDP "อิสราเอล" เหนือ "อิหร่าน" แม้ประชากรน้อยกว่า

ประชากรอิสราเอลในปี 2566 อยู่ที่ราว 9 ล้านคน ซึ่งอพยพมาจากยุโรป แอฟริกา เอเชีย และประเทศตะวันออกกลางอื่น ๆ โดยราว 80% นับถือศาสนายูดายหรือศาสนายิว

ขณะที่ประชากรอิหร่านในปี 2566 อยู่ราว 87 ล้านคน เป็นเชื้อสายเปอร์เซียเกือบทั้งหมด และราว 90-95% ของประชากรนับถือศาสนาอิสลาม นิกายชีอะห์

ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พบว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอิสราเอลปี 2566 นับถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 521,690 ล้านดอลลาร์ และ GDP ต่อหัว (GDP Per Capita) อยู่ที่ 53,200 ดอลลาร์

ขณะที่ GDP ของอิหร่านปี 2566 นับถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 366,440 ล้านดอลลาร์ และ GDP ต่อหัว อยู่ที่ 4,230 ดอลลาร์ 

  • อิสราเอล เปลี่ยนทะเลทรายให้ทำเกษตรได้

จากการที่อิสราเอลเป็นประเทศเกิดใหม่แถบตะวันออกกลาง รายล้อมไปด้วยประเทศมุสลิม และเคยทำสงครามกับ 5 ประเทศมุสลิมพร้อมกันในสงครามอาหรับ-อิสราเอลปี 2491 ได้แก่ อียิปต์ อิรัก ซีเรีย จอร์แดน และเลบานอน จึงทำให้อิสราเอลต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จนกลายเป็นระบบ “Iron Dome” สำหรับป้องกันขีปนาวุธที่มุ่งโจมตีประเทศ

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายอันแห้งแล้งและมีทรัพยากรธรรมชาติที่จำกัด อิสราเอลจึงเร่งวิจัยและพัฒนาพื้นที่ทะเลทรายจนปลูกพืชได้สำเร็จ

เทียบเศรษฐกิจ \'อิสราเอล\' VS \'อิหร่าน\' หากอิหร่านหนุน \'ฮามาส\' เต็มพิกัด - อิสราเอลเปลี่ยนทะเลทรายให้ปลูกพืชได้ (เครดิต: Shutterstock) -

อีกทั้งรัฐบาลยังตั้ง “Silicon Wadi” ที่คล้าย Silicon Valley ของสหรัฐ เพื่อเป็นศูนย์รวมด้านเทคโนโลยีตั้งแต่รถยนต์ไร้คนขับ การผลิตยา อุปกรณ์การแพทย์ ระบบคลาวด์ ฯลฯ โดยจากดัชนี Global Innovation Index (GII) เพื่อวัดระดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมของแต่ละประเทศกว่า 132 ประเทศทั่วโลกในปี 2565 ระบุว่า อิสราเอลติดอันดับที่ 16 ของโลก

สำหรับเงินเฟ้อในอิสราเอล สูงกว่าระดับมาตรฐานที่ 3% เล็กน้อย โดยข้อมูลจากสถาบันสถิติ Statista ระบุว่า เงินเฟ้ออิสราเอลของเดือน ก.ย. 2566 อยู่ที่ 3.8% ลดลงจากเดือน ส.ค. ซึ่งอยู่ที่ 4.1% 

ในแง่ของการค้า ข้อมูลจาก World's Top Exports ปี 2565 ระบุว่า สินค้าส่งออกหลักของอิสราเอล ได้แก่

1. เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 10,200 ล้านดอลลาร์ (17% ของยอดส่งออกทั้งหมด)

2. เพชรและอัญมณี 9,500 ล้านดอลลาร์ (15.9%)

3. อุปกรณ์การแพทย์ 7,400 ล้านดอลลาร์ (12.3%)

4. เครื่องจักรอุตสาหกรรมและคอมพิวเตอร์ 5,100 ล้านดอลลาร์ (8.5%)

5. พลาสติก 3,200 ล้านดอลลาร์ (5.4%)

6. ผลิตภัณฑ์เคมี 2,900 ล้านดอลลาร์ (4.8%)

7. ผลิตภัณฑ์ยา 2,450 ล้านดอลลาร์ (4.1%) ฯลฯ

ขณะที่ผู้นำเข้าสินค้าหลักของอิสราเอล คือ สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 34.4%, จีน 8.6%, อินเดีย 7.3%, สหราชอาณาจักร 5.8%, ไอร์แลนด์ 4.8%, เนเธอร์แลนด์ 4.5%, ตุรกี (ทูร์เคีย) 4.3%, เบลเยียม 3.7%, บราซิล 3.6%, เยอรมนี 3.5%, ฝรั่งเศส 3.4% และฮ่องกง 3%

  • อิหร่าน ครองก๊าซธรรมชาติสำรอง อันดับ 2 ของโลก

ข้อมูลจากธนาคารโลก รายงานว่า เศรษฐกิจหลักของอิหร่านพึ่งพาอุตสาหกรรมปิโตรเลียม การเกษตรและภาคบริการ โดยอิหร่านมีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากรัสเซีย และมีน้ำมันสำรองเป็นอันดับที่ 4 ของโลก

เทียบเศรษฐกิจ \'อิสราเอล\' VS \'อิหร่าน\' หากอิหร่านหนุน \'ฮามาส\' เต็มพิกัด - คลังน้ำมันในอิหร่าน (เครดิต: Shutterstock) -

หลังจากที่อิหร่านเผชิญมาตรการคว่ำบาตรของเหล่าชาติตะวันตกซึ่งนำโดยสหรัฐอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2522 จนถึงปัจจุบัน ต่อกรณีที่อิหร่านพยายามทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ส่งผลให้ประเทศมีรายได้การส่งออกน้ำมันที่ลดลง สูญเสียรายได้ทางการค้าจากตลาดตะวันตก และกระทบการเติบโตทางเศรษฐกิจ จนทำให้เงินเฟ้อในประเทศสูงถึงราว 40% ซึ่งข้อมูลจากสถาบันสถิติ Statista ระบุว่า เงินเฟ้ออิหร่านในเดือน ก.ย. 2566 อยู่ที่ 39.5% ลดลงจากเดือน ส.ค. ซึ่งอยู่ที่ 39.8%

อย่างไรก็ตาม ช่วงขาขึ้นของราคาพลังงานในช่วงแรกของสงครามรัสเซียกับยูเครนที่ปะทุขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ประกอบกับความต้องการพลังงานที่ฟื้นตัวหลังหลายประเทศยกเลิกการปิดเมือง ทำให้อิหร่านได้อานิสงส์ทางรายได้พลังงานที่เพิ่มขึ้น

สำหรับการค้าของอิหร่าน ข้อมูลจาก World's Top Exports ปี 2565 ระบุว่า สินค้าส่งออกหลักของอิหร่าน ได้แก่

1. พลาสติกและชิ้นส่วนพลาสติก มูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์ (22.5% ของยอดส่งออกทั้งหมด)

2. เชื้อเพลิงธรรมชาติ รวมถึงน้ำมัน 1,800 ล้านดอลลาร์ (11.7%)

3. ผลิตภัณฑ์ทางเคมี 1,500 ล้านดอลลาร์ (9.5%)

4. ทองแดง 1,400 ล้านดอลลาร์ (8.8%)

5. เหล็ก 1,100 ล้านดอลลาร์ (7.2%)

6. อะลูมิเนียม 1,000 ล้านดอลลาร์ (6.5%)

7. ผลไม้และถั่ว 785.4 ล้านดอลลาร์ (5%) ฯลฯ

ส่วนผู้นำเข้าสินค้าหลักของอิหร่าน คือ จีน คิดเป็นสัดส่วน 37.1%, อิรัก 16.5%, ตุรกี (ทูร์เคีย) 11.3%, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) 9.1%, อัฟกานิสถาน 3.4%, อินเดีย 3.4%, ปากีสถาน 2.3%, อินโดนีเซีย 2%, และไทย 1.5%

เทียบเศรษฐกิจ \'อิสราเอล\' VS \'อิหร่าน\' หากอิหร่านหนุน \'ฮามาส\' เต็มพิกัด - เทียบเศรษฐกิจอิสราเอล VS อิหร่าน (กราฟิก: วิชัย นาคสุวรรณ) -

อ้างอิง: stateoecimfimf(2)tradingeconomicsworldstopexportsworldstopexports(2)wipobritannicaworldbank